เมย์แบงก์ มองเศรษฐกิจประเทศอาเซียนฟื้นตัว ไทย “บริโภค-ท่องเที่ยว”อ่วม

เศรษฐกิจ กรุงเทพ
Lillian SUWANRUMPHA / AFP

“หลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง” ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจอาเซียน มอง’ไทย’ ฟื้นช้าปัจจัยลบรุมเร้า “ท่องเที่ยวซบเซา-ผู้ติดเชื้อโควิดนิวไฮ-กระจายวัคซีนล่าช้า” ล้วนกระทบเศรษฐกิจ ด้าน”เวียดนาม-มาเลเชีย-ฟิลิปปินส์-อินโดนีเซีย” เริ่มมีสัญญาณบวกหนุนการฟื้นตัวต่อเนื่อง ฟาก ‘สิงคโปร์’ ฟื้นตัวเร็วสุดในอาเซียน รับแรงหนุนกลุ่ม Manufacturing ตามแนวโน้มการกระจายวัคซีนที่ทำได้เร็ว

วันที่  7 สิงหาคม 2564  ทีมวิจัย บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ได้สรุปสาระสำคัญของงานสัมมนา Invest ASEAN 2021 ในหัวข้อ ASEAN Macro Outlook & ASEAN Strategy ไว้ดังนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศใน  ASEAN อยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ด้วยแรงขับเคลื่อนของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ และพึ่งพาภาคการผลิตของประเทศพัฒนาแล้ว (Developed) ซึ่งเศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศกำลังพัฒนา (Emerging)

ในขณะที่การบริโภคในประเทศ และการท่องเที่ยวยังเป็นส่วนที่ฟื้นตัวได้ช้าในทุกๆ ประเทศ ASEAN จากผลกระทบของ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ โดยมุมมองต่อนโยบายการเงินสหรัฐฯ ต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของสหรัฐฯกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะเริ่มต้นจากการทำ QE Tapering น่าจะส่งผลเชิงลบต่อตลาดการเงิน ASEAN ไม่มากนัก (คงมุมมองเดิม) เนื่องจากทุกประเทศอยู่ในจุดที่ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้น ASEAN ไม่ได้อยู่ในช่วงภาวะกระทิง (Bull Market) ดังเช่นช่วงที่มีการทำ QE Tapering ครั้งที่ผ่านมา

ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก ASEAN ดังนี้

เริ่มที่สิงคโปร์ยังคงฟื้นตัวได้เร็วหากเทียบกับประเทศอื่นๆใน ASEAN เศรษฐกิจสิงคโปร์ ได้แรงหนุนจากกลุ่ม Manufacturing ตามแนวโน้มการกระจายวัคซีนที่ทำได้เร็ว (GDP ไตรมาส 2/64 ขยายตัว +14.3% เทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน (YoY) เร่งตัวจาก +1.3% ในไตรมาส 1/64  แนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และโอกาสการปรับเพิ่มประมาณการกำไรตลาด ตลอดจนการเริ่มกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบ Tightening มากขึ้น น่าจะส่งผลให้หุ้น Value มีความน่าสนใจมากกว่าหุ้น Growth

ฝั่งเวียดนามตลาดหุ้นยังผันผวนสูงตามสถานการณ์ COVID-19 หลังตลาดหุ้นเวียดนามผ่านพ้นช่วงการปรับฐานรอบใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา ก็ยังคงให้น้ำหนักกับสถานการณ์ COVID-19 ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามมาตรการด้านการเงินและการคลัง โดยเฉพาะการปรับลดภาษีบริษัท (Corporate Tax) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยบรรเทาผลกระทบเชิงลบต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจ

ส่วนมาเลเซียมาตราการกระตุ้นด้านการคลังรอบใหม่ ยังเผชิญปัญหาจากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศ และล่าสุดยังอยู่ในช่วงของการอัดฉีดเงินเยียวยาด้านการคลังจากภาครัฐ เงินช่วยเหลือโดยตรงรวมประมาณ 83 พันล้านริงกิต (MYR83bn) หรือคิดเป็น 5.9% ของ GDP

ด้านฟิลิปปินส์เริ่มมีความคาดหวังเล็กๆ ท่ามกลางปัญหา COVID-19 ที่ยังรุนแรง เป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบปัญหา COVID-19 สายพันธุ์ Delta ล่าสุดจำเป็นต้องใช้มาตรการ Lockdown ควบคุมการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตามภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นเริ่มมีความคาดหวัง หลังจากที่การกระจายวัคซีนทำได้เร็วขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา และน่าจะได้แรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐ ในช่วงหลังการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น

สำหรับอินโดนีเซียได้แรงหนุนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และความหวังการเร่งฉีดวัคซีน เศรษฐกิจของอินโดนีเซียได้แรงหนุนให้น่าจะเข้าสู่จุดฟื้นตัวจากมาตรการเชิงผ่อนคลายทั้งด้านการเงิน ล่าสุดปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงไตรมาส 1/64 และการผ่อนปรนเงื่อนไขการปล่อยกู้ การช่วยเหลือลูกหนี้ นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังทรงตัวในระดับสูงได้ต่อเนื่อง

ขณะที่ไทยภาคการท่องเที่ยวโดนผลกระทบเชิงลบรุนแรงต่อเนื่อง แนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย ซึ่งพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก โดนผลกระทบจากสถานการณ์  COVID-19 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเร่งตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 2/64 ที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา Underperform และมีความกังวลต่อแผนการเปิดประเทศของรัฐบาลว่าอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

จากมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินของแต่ละประเทศใน ASEAN จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าให้น้ำหนักกับปัจจัยเดียวกัน นั่นคือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ อย่างไรก็ตามปัจจัยเฉพาะตัวของแต่ละประเทศ ได้แก่  1) โครงสร้างเศรษฐกิจ 2) นโยบายด้านการเงิน และการคลังของภาครัฐ และ 3) ความรวดเร็วในการควบคุมการแพร่ระบาด/การกระจายวัคซีน ล้วนแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางและอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ซึ่งหากพิจารณาภาพรวมของไทยเทียบกับประเทศอื่นๆ ใน ASEAN พบว่าแนวโน้มการฟื้นตัวถือว่าทำได้ไม่เร็วนัก จากโครงสร้างที่เศรษฐกิจพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก แม้ส่งออกไทยจะโดดเด่น แต่เกือบทุกประเทศใน ASEAN ดีเหมือนกันหมด ตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวเด่น  อีกทั้งการกระจายวัคซีนหากพิจารณาถึงปัจจุบันยังคงช้ากว่าเป้าหมายของทางภาครัฐ