ลดคิวอีฉุดราคาทองคำท้ายปี สมาคมโอดกำลังซื้อในประเทศวูบ 20%

ร้านทองเยาวราช

ส่องแนวโน้มทองคำโค้งท้ายปี จับตาเฟดลดมาตรการลดคิวอี ฉุดราคาปรับตัวลดลง “ฮั่วเซงเฮง” ชี้เป็นโอกาสเข้าซื้อถือลงทุนระยาว เชื่อปีหน้าราคาทองคำยังมีแนวโน้มดีดกลับตามทิศทางเงินเฟ้อ “วายแอลจี” ลุ้นแนวรับ 1,720 เหรียญ ระบุหากหลุดแนวรับตลาดทองคำจะเป็น “ขาลง” ด้านนายกสมาคมค้าทองโอดกำลังซื้อทองในประเทศปีนี้ทรุด 20%

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ระยะข้างหน้า หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการปรับลดมาตรการคิวอีในเดือน พ.ย.ตามที่คาดการณ์กัน น่าจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง ซึ่งช่วงดังกล่าวนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำระยะยาว น่าจะเป็นจังหวะที่สามารถเข้าไปซื้อได้ อย่างไรก็ดี ระหว่างนั้น ช่วงตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงช่วงที่เฟดปรับลดคิวอี เป็นช่วงที่ต้องระมัดระวัง

“จากช่วงนี้ไปเราให้กรอบแนวรับที่ 1,780 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 1,750 เหรียญ หรือประมาณ 28,000 บาท ลงไปถึง 27,700 บาท ส่วนแนวต้านที่ 1,800 เหรียญ หรือประมาณ 28,200 บาท และหากเดือน พ.ย.มีการปรับลดคิวอี ราคาก็อาจจะลงไปที่ 1,720 เหรียญหรือประมาณ 27,400 บาท ซึ่งถึงตอนนั้นน่าจะเป็นจุดที่ดีที่จะเข้าซื้อทอง เพราะเวลาประกาศ ราคาทองจะลง แต่พอเริ่มลดวงเงินคิวอีจริง ๆ ราคาทองจะขึ้น ซึ่งคาดว่าประมาณเดือน ธ.ค.” นายธนรัชต์กล่าว

ทั้งนี้ แนวโน้มปีหน้ามีการคาดการณ์ว่า เฟดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยราวช่วงไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ดังนั้นธีมปีหน้าจะเป็นเรื่องดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้น ตามแนวโน้มเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และราคาทองก็มีแนวโน้มดีดกลับขึ้นได้อีก

นายธนรัชต์กล่าวด้วยว่า ปีนี้ในแง่กำลังซื้อสินค้าทองคำ หากเป็นเครื่องประดับ กำลังซื้อทั่วโลกลดลงไปโดยปริยาย แต่ส่วนที่เป็นการซื้อขายเพื่อการเก็งกำไรยังได้รับความนิยม เนื่องจากปีนี้เป็นธีมที่ราคาทองคำปรับตัวลงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยทองคำโลกตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันลดลงไป -5% แต่ก็มีในบางช่วงที่ราคาทองปรับขึ้นตามตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ประกาศออกมา

“ปีนี้คนก็กลัวเรื่อง ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เพราะหลังจากหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐกับยุโรป เปิดประเทศ ความต้องการใช้น้ำมันก็ฟื้นตัวขึ้น และในไตรมาส 4 ก็คาดว่าจะมีความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว ส่วนอุปทานน้ำมันได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนแถวอ่าวเม็กซิโก ดังนั้นจึงทำให้ช่วงภาวะสั้น ๆ ต้นทุนสูง เงินเฟ้อจึงเร่งตัว และทำให้ราคาทองปรับขึ้นในบางครั้ง อย่างไรก็ดี มองไปข้างหน้า การปรับลดคิวอีน่าจะเป็นประเด็นหลักที่ทุกคนจับตา” นายธนรัชต์กล่าว

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำ ตอนนี้ยังเป็นการแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยมีโอกาสปรับขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่ระดับ 1,830–1,840 เหรียญ แนวต้านไม่เกิน 1,850 เหรียญ จนถึงสิ้นปี ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,720 เหรียญ ซึ่งหากหลุดกรอบแนวรับนี้ จะสะท้อนให้เห็นถึงการกลับขาของตลาดที่เป็นขาลงมากกว่าขาขึ้น

โดยเฉพาะหากเฟดมีการลดคิวอีในช่วงสิ้นปี ก็จะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลง รวมถึงปัจจัยการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ว่า จะเกิดขึ้นในช่วงสิ้นปี 2565 หรือต้นปี 2567 แต่ถ้าเกิดมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น ก็จะกดดันราคาทองคำ

“ในช่วงระหว่างการที่มีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจทั่วไป มองว่าทองคำน่าจะสามารถปรับตัวขึ้นได้อยู่บ้าง แต่เมื่อไหร่ที่มีการลดขนาดมาตรการคิวอี หรือปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จะเป็นตัวกดดันราคาทองคำ” นางพวรรณ์กล่าว


นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ปีนี้กำลังซื้อทองคำในประเทศลดลงค่อนข้างมาก จากต้นปีถึงปัจจุบันลดลงไปราว 20% แม้บางช่วงราคาทองคำจะลง แต่ก็มีคนเข้ามาซื้อน้อยมาก ทั้งทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณ โดยในช่วงที่เหลือก่อนสิ้นปี มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวลง มีมากกว่าปรับตัวขึ้น เนื่องจากยังมีปัจจัยลบต่อราคาทองอยู่