ราคาน้ำมันดิบทรงตัว หลังตลาดจับตาดูการประชุมโอเปกพลัส ท่ามกลางน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐที่อาจปรับตัวสูงขึ้น
ปัจจัยบวก/ลบ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวทรงตัว หลังตลาดยังคงรอจับตาดูการประชุมกลุ่มโอเปกพลัส ที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสที่ 4 พ.ย. 2564 นี้ ที่ทางกลุ่มมีแนวโน้มคงมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือน ธ.ค. เพียง 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามข้อตกลงเดิม แม้ว่าหลายประเทศต่างกดดันให้ทางกลุ่มเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นเพื่อชะลอความร้อนแรงของราคาน้ำมันดิบก็ตาม
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ปัจจัยลบ ตลาดยังจับตาตัวเลขจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในคืนนี้ หลังนักวิเคราะห์คาดการณ์ตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐสิ้นสุด ณ วันที่ 29 ต.ค. 2564 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 2.2 ล้านบาร์เรล จากระดับ 430.8 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยลบ นาย Murray Auchincloss, CFO บริษัท บีพี, เผยว่าจากอุปทานน้ำมันที่ตึงตัวรวมถึงราคาถ่านหินและแก๊สธรรมชาติที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้บริษัท บีพี ตัดสินใจเพิ่มเงินลงทุนการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน/เชลล์ออยล์ และก๊าซธรรมชาติ ในปี 2565 กว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ระดับ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์การใช้น้ำมันเบนซินที่ปรับเพิ่มจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในภูมิภาค ท่ามกลางปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 0.9 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจีนมีแนวโน้มส่งออกน้ำมันดีเซลสูงขึ้น ท่ามกลางความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามมาตรการปิดเมืองที่คลี่คลาย
ที่มา ไทยออยล์