MFC เปิดขายกองทุนหุ้นเด่นท้ายปี “M-EDGE” จองซื้อ 16-24 พ.ย.นี้

บลจ.เอ็มเอฟซี หรือ MFC เปิดขายกองทุนหุ้นเด่นท้ายปี “M-EDGE” ลงทุนใน ‘BGF Global Long-Horizon Equity’   สร้างผลตอบแทนอันคุ้มค่าและมั่นคงให้กับผู้ลงทุน จากสภาวะเศรษฐกิจโลกจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยการลงทุนจากหุ้นระดับ Top ทั่วโลก  เปิดจองซื้อ 16-24 พ.ย.นี้

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC จัดตั้งกองทุน ‘M-EDGE’ โดยมีเป้าหมายการลงทุนในหุ้นที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน โดยคอนเซ็ปต์ของ E-D-G-E  คือ E : Ensure sustainable value creation มีกระบวนการคัดเลือกหุ้นของบริษัทที่สามารถสร้างมูลค่า (ได้เหนือกว่าดัชนีหุ้นโลก) ตลอดวงจรชีวิตของบริษัท เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนสูง, D : Deliver alpha พอร์ตการลงทุนมีความน่าเชื่อถือสูง เน้นลงทุนในหุ้น 20-30 ตัว

โดยกระจายการลงทุนไปในหลายอุตสาหกรรม เน้นการสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าตลาด, G : Growth potential เน้นลงทุนหุ้นผู้ชนะที่มีคุณภาพดี มีความได้เปรียบในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมี Track Record ที่โดดเด่นชนะ Benchmark ด้วยผลตอบแทนที่สูงกว่า ขณะที่ความผันผวนใกล้เคียงกัน และ E : Expertise by BlackRock กองทุนหลักบริหารโดย BlackRock โดยทีมบริหารกองทุน และทีม research ที่มีประสบการณ์ และความชำนาญในการบริหารจัดการกองทุนอย่างดีเยี่ยม

กองทุน ‘M-EDGE’ เลือกลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (ประเภท Feeder Fund) คือ ‘BGF Global Long-Horizon Equity Fund’ (เป็นกองทุนหลัก) ในชนิดหน่วยลงทุน (share class) “D2” ซึ่งเป็น Class ที่เสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไป ซื้อขายหน่วยลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม

โดยกองทุนหลักลงทุนทั่วโลกซึ่งไม่ได้จำกัดสัดส่วนการลงทุนตามประเทศ ภูมิภาค หรือมูลค่าตามราคาตลาด โดยลงทุนอย่างน้อยร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดในตราสารทุน ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืนตามความเห็นของที่ปรึกษาการลงทุน และโดยทั่วไปจะถือครองตราสารในระยะยาว ทั้งนี้ กองทุนหลักและ M-EDGE อาจป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน

กองทุนหลัก ‘BGF Global Long-Horizon Equity Fund’ อยู่ภายใต้ BlackRock Global Funds ซึ่งจัดตั้งที่ประเทศลักเซมเบิร์ก บริหารจัดการโดย BlackRock (Luxembourg) S.A. ใช้กลยุทธ์ที่ดีในการบริหารกองทุนเพื่อมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (active management) และอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient portfolio management)

โดยตัวอย่างหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุน BGF Global Long-Horizon Equity Fund เข้าไปลงทุน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 64)  ได้แก่ Mastercard INC Class A, Microsoft Corp., AMAZON Com INC., Reckitt Benckiser Group PLC., Unitedhealth Group INC., SONY group corp., T Mobile US INC., Prudential PLC., Boston Scientific Corp และ Walt Disney

‘M-EDGE’ ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างโอกาสลงทุนในหุ้นที่เป็นผู้ชนะ จึงกระจายการลงทุนในธุรกิจที่มี business cycle ต่างกัน โดยกองทุนมีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6 และอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ที่กองทุนหลักเข้าไปลงทุน การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน หรือความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัว

ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้มองหาการลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว ที่คาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป  ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนเพื่อแสวงหาโอกาสการลงทุนในกองทุนตราสารทุนต่างประเทศ และยอมรับความเสี่ยงได้ ซึ่งผู้ลงทุนจะมีโอกาสที่จะได้รับกำไรจากมูลค่าหน่วยลงทุนที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการปรับตัวของดอกเบี้ยหรือมูลค่าของตราสารที่กองทุนต่างประเทศไปลงทุน

‘กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ซัสเทนด์ คอมเพ็ททิทีฟ เอดจ์’ (MFC Sustained Competitive Edge Fund) หรือ ‘M-EDGE’ เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund: FIF) มีจำนวนเงินทุนของโครงการ 5,000,000,000 บาท จะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกระหว่างวันที่ 16 – 24 พฤศจิกายน 2564 สามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ กำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก 1,000 บาท และมีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล