การตลาดยุค 5 In 1 (เพราะเราเข้าใจ)

กราฟิกช้อปช่วยชาติ
คอลัมน์ Smart SMEs
ดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ท่านผู้อ่านทราบกันไหมคะว่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติที่คน 5 รุ่น ได้ใช้ชีวิตร่วมกันบนโลกใบเดียวกัน ณ ปัจจุบัน ไล่ตั้งแต่คนรุ่น baby boomers (1946-1964), Gen X (1965-1980),Gen Y (1981-1996), Gen Z (1997-2009) ไปจนถึง Gen alpha (2010-2025)

ปรากฏการณ์เช่นนี้ส่งผลในหลาย ๆ ด้าน ทั้งเรื่องสังคมเศรษฐกิจ การเมืองและการตลาด จากความแตกต่างของทัศนคติ ความชื่นชอบและพฤติกรรม ซึ่งเป็นความท้าทายมากยิ่งขึ้นของผู้ประกอบการธุรกิจที่จะต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงานร่วมกันในองค์กรธุรกิจ รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในแต่ละรุ่น

ซึ่ง Philip Kotler ปรมาจารย์ด้านการตลาดได้กล่าวถึงเรื่องนี้เป็นหนึ่งประเด็นที่สำคัญในแนวคิดการตลาดล่าสุดสำหรับโลกยุคใหม่ ที่เรียกว่า Marketing 5.0 กันเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ความแตกต่างของคนแต่ละรุ่นนั้น เกิดจากการหล่อหลอมโดยสภาพทางสังคมวัฒนธรรมและประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน ทำให้มีทัศนคติ พฤติกรรม ความชื่นชอบต่อผลิตภัณฑ์และบริการที่ต่างกัน ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจจำเป็นต้องทำความเข้าใจและหาแนวทางตอบสนองด้วยข้อเสนอ ประสบการณ์ลูกค้า การสื่อสารไปจนถึงการปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจเพื่อให้ตรงกับกลุ่มคนในแต่ละรุ่น

โดย baby boomers คือ คนรุ่นที่เกิดช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงที่มีอัตราการเกิดในโลกสูงมาก ๆ ซึ่งปัจจุบันจะเป็นประชากรที่มีอายุ 57 ปีขึ้นไป มีอายุยืนกว่าคนรุ่นก่อนหน้า หลายคนไม่ยอมเกษียณและต่ออายุการทำงานไปถึง 65 ปี คนกลุ่มนี้มีเงินเก็บทำให้มีกำลังซื้อสูง และมีพฤติกรรมในการเลือกซื้อสินค้าที่เป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือหรืออยู่มานาน

อย่างไรก็ตาม คนกลุ่มนี้แม้มีกำลังซื้อสูง พร้อมซื้อของแพง มองหาสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพ ความสุขความทรงจำแต่วัยเยาว์ การท่องเที่ยว แต่ก็เป็นตลาดที่ถดถอยไปเรื่อย ๆ

Gen X เป็นกลุ่มคนที่อายุราว 41-56 ปี เป็นกลุ่มที่มีประสบการณ์ของการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี จาก analog สู่ digital เป็นคนยุคแรกที่ก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์ ทำให้เป็นคนปรับตัวได้เร็ว และได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ทั้งต้องดูแลตนเองและครอบครัว จึงให้ความสำคัญกับ work life balance และมีการใช้จ่ายมากกว่ารุ่นอื่น ๆ มีความรอบคอบในการใช้เงิน

ทำให้การตัดสินใจซื้อแต่ละครั้ง ต้องศึกษาข้อมูล อ่านรีวิว ไม่นิยมเสี่ยงอะไรใหม่ ๆ จึงมี brand loyalty สูง กลัวตกข่าว จึงมักใช้เวลากับโซเชียลมีเดียมาก ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

Gen Y เป็นคนที่อยู่ในช่วงอายุ 25-40 ปี ส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาที่สูง เพราะมีพ่อแม่เป็นรุ่น baby boomers และมีความหลากหลายทางความคิด รวมถึงวัฒนธรรมกลุ่มย่อยกว่ารุ่นอื่น ๆ เป็นคนรุ่นแรกที่ใช้โซเชียลมีเดียอย่างจริงจัง

โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว จึงเป็นคนที่เปิดกว้าง มีเพื่อนเยอะ ต้องการการยอมรับจากเพื่อน เพื่อนจึงเป็นบทบาทสำคัญในการเลือกซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ

Gen Z เป็นคนที่อยู่ในช่วงอายุ 12-24 ปี ถือเป็นรุ่นดิจิทัลตั้งแต่กำเนิด มองอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ บันทึกเรื่องราวแต่ละวันลงโซเชียลเป็นเรื่องปกติในชีวิต จึงสื่ออะไรแบบตรง ๆ ไม่มีการปรับแต่ง

ทำให้คนรุ่นนี้ไม่ชอบอะไรที่เกินจริง รวมถึงแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ประดิดประดอย ไม่ตรงไปตรงมาแต่กลับชอบแบรนด์ที่ความใหม่และให้ประสบการณ์ที่ตื่นเต้นอยู่เสมอ

Gen alpha เป็นเด็กที่มีอายุระหว่าง 6-11 ขวบ เด็กกลุ่มนี้โตมาพร้อมอุปกรณ์เคลื่อนที่แต่เด็ก ปัจจุบันกลุ่มนี้ยังไม่มีกำลังซื้อ แต่จะมีพ่อแม่ซึ่งเป็น Gen Y หรือ X เป็นผู้ซื้อให้

ทั้งนี้ ดิฉันได้อธิบายโดยสังเขปเพื่อพอให้เห็นภาพในแต่ละรุ่น แต่ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย ท่านผู้ประกอบการธุรกิจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหนังสือ Marketing 5.0 ซึ่งมีฉบับแปลเป็นไทยวางขายแล้ว หรือสามารถค้นหาบทความเพิ่มเติมได้จากอินเทอร์เน็ต

เพื่อที่ท่านจะได้มีข้อมูลมากยิ่งขึ้นและสามารถนำแนวคิดมาปรับใช้กับธุรกิจได้นะคะ