โกลเบล็ก คัด 4 หุ้นเด่นน่าซื้อ ชูกลุ่มโรงไฟฟ้ารับขึ้นค่า Ft

ลงทุนหุ้น

บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Sideway รับแรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจากการขึ้นค่า FT และการผนึกกำลังทางธุรกิจระหว่าง TRUE –DTAC รวมถึงคาดการณ์ GDP ไทยจะฟื้นตัวกลับสู่ฐานเดิมก่อนเกิดโควิดได้ในปี 66 จึงให้กรอบดัชนี 1,620-1,670 จุด พร้อมแนะนำลงทุน 4 หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ชู EA-SSP-GPSC-BGRIM เด่น ด้านราคาทองคำในสัปดาห์นี้ เคลื่อนไหว Sideway up ให้กรอบไว้ที่ 1,770-1,815  ดอลลาร์ต่อออนซ์

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นในไทยสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มแกว่งตัวออกข้างในลักษณะ Sideway โดยมีแรงหนุนจากจากแรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า จากค่า FT ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และกลุ่มสื่อสาร(ICT) จากการผนึกกำลังทางธุรกิจระหว่าง TRUE –DTAC เป็นตัวหนุนตลาด

รวมถึงการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ มองตัวเลข GDP ของไทยจะฟื้นตัวกลับสู่ฐานเดิมก่อนเกิดโควิดได้ในปี 66 จากฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศ หลังจากกระทรวงสาธารณสุขเดินหน้าบริหารจัดการฉีดวัคซีนต่อเนื่องโดยจัดสัปดาห์ฉีดวัคซีนโควิดสู่เป้า 100 ล้านโดสในช่วง 27 พ.ย.- 5 ธ.ค.64 อย่างต่อเนื่องจึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,620-1,670 จุด

ทั้งนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากต่างประเทศที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย อาทิ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้เรียกร้องให้รัฐบาลผ่อนคลายข้อจำกัดด้านโควิด-19 เนื่องจากปัจจุบันอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศมีความครอบคลุมเพิ่มมากขึ้น

ส่วนนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเตรียมอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งครอบคลุมถึงการใช้จ่ายด้านการคลังสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 55.7 ล้านล้านเยน (4.90 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อซึ่งเกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ทั้งประเภท 1 ปีและ 5 ปี

โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมความเสี่ยงในภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้าน สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน (CAAM) เปิดเผยการคาดการณ์ว่าจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จะมีจำนวนรถยนต์จดทะเบียนมากกว่า 300 ล้านคัน ภายในสิ้นปี 65

ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาในช่วงนี้ อาทิ

  • สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
  • สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
  • ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ อาทิ

  • ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR สหรัฐรายงานดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนต.ค.จากเฟดชิคาโก
  • ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.
  • อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต
  • สหรัฐเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต
  • สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. GDP ไตรมาส3/64 (ประมาณการครั้งที่ 2)
  • ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนต.ค.
  • สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จาก EIA
  • FOMC เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย.ในเช้าวันที่ 25 พ.ย.

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ได้แก่ EA, SSP, GPSC และ BGRIM เหตุผล ประเด็นปรับขึ้นค่า Ft จะเป็นตัวหนุนต่ออัตราการทำกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย  บล. โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ว่ายังคงต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจอย่างดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI)และเงินเฟ้อเดือนตุลาคม ล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญเนื่องจากตลาดจับตาเงินเฟ้อ เพราะปัญหา Supply Shortages เป็นตัวเร่งให้เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อไปได้

ฉะนั้นเมื่อตลาดรับข่าวการปรับลดวงเงิน QE ไปบ้างแล้ว ทองคำย่อตัวลงไม่มากนัก อีกทั้งเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มเร่งตัวในระยะถัดไป ซึ่งทองคำในฐานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและสามารถป้องกันความเสี่ยงดอลลาร์ที่อ่อนค่า ฝ่ายวิจัยคาดราคาทองคำเคลื่อนไหว Sideway up โดยประเมินกรอบในสัปดาห์นี้ 1,770-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แนะนำให้หาจังหวะ Long เมื่อราคาอ่อนตัวลงใกล้แนวรับ