โนเบิลจ่อขายหุ้นกู้ชุดใหม่ เดือน ม.ค. 2565 ชูดอกเบี้ย 4.6% ต่อปี

ภาพ : www.noblehome.com

NOBLE ยื่นไฟลิ่งขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.60% ต่อปี เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป-ผู้ลงทุนสถาบัน คาดเปิดจองซื้อได้ภายในเดือน ม.ค. 2565

วันที่ 13 ธันวาคม 2564 นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า NOBLE อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อขออนุญาตและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว

โดยทาง NOBLE เตรียมที่จะออกและเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.60% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณทุก ๆ 100,000 บาท

โดยวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อขยายการลงทุนและการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในแนวราบมากขึ้น รวมถึงการลงทุนในบริษัทร่วมทุน ทั้งนี้ หุ้นกู้ในครั้งนี้และบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ที่ระดับ “BBB” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” ซึ่งหุ้นกู้ที่ออกครั้งนี้และหุ้นกู้ชุดอื่น ๆ ของบริษัทในปัจจุบันได้รับการเพิ่มอันดับเครดิตจากเดิมที่ระดับ “BBB-” มาที่ระดับ “BBB” และคาดว่าจะเปิดจองซื้อและให้ผู้ลงทุนขอรับหนังสือชี้ชวนได้ภายในเดือนมกราคม 2565 นี้

สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 5,792 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 936 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย (Pre-sales) สะสมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,525 ล้านบาท โดยกว่า 3,400 ล้านบาทมาจากโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ และอีกกว่า 2,100 ล้านบาทมาจากยอดการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการคือ โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ และโครงการนิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา และโครงการนิว โนเบิล อื่น ๆ ที่ทยอยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ และมีรายได้ที่รอการรับรู้หรือ Backlog ณ สิ้นไตรมาส 3 จำนวน 10,085 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตลอด 3 ปีข้างหน้าจะช่วยสนับสนุนการรับรู้รายได้ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง

โดยในปี 2565 NOBLE ได้เตรียมความพร้อมรับมือกับการฟื้นตัวของตลาด ด้วยการเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่รวมจำนวน 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 47,400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้วางเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบ รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise ในพอร์ตให้มากขึ้น เพื่อขยายพอร์ตให้มีสินค้ากระจายและรองรับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย ครอบคลุมในหลายทำเลมากขึ้น

ซึ่งการพัฒนาโครงการในแนวราบจะช่วยให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้เร็วขึ้น เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างน้อยลง โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบในพอร์ตเกือบ 50% (ตามสัดส่วนการลงทุนของ NOBLE)

โดยมีแผนจะพัฒนาโครงการในทำเลที่กระจายตัวมากขึ้น เช่น ในทำเลถนนดอนเมือง ถนนราชพฤกษ์ ถนนเอกมัย-รามอินทรา ถนนกรุงเทพกรีฑา และในทำเลที่ใกล้เมกาบางนา เป็นต้น ซึ่งทางบริษัทมั่นใจว่าจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและการผ่อนคลายมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทยจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้กับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้เพิ่มขึ้น