เงินเฟ้อสหรัฐพีกสุดรอบ 40 ปี กระชากบอนด์ยีลด์ไทยพุ่ง

“สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย” เผยเงินเฟ้อสหรัฐสูงกระชากบอนด์ยีลด์ไทยขาขึ้น คาดเอกชนยังเร่งระดมทุนรับเศรษฐกิจฟื้น ออกหุ้นกู้ทะลุ 1 ล้านล้านบาทเป็นปีที่ 3 ประเมินถึงสิ้นปีบอนด์ยีลด์ 5-10 ปีปรับขึ้นอีก 0.50% จับตาแบงก์ชาติอาจขยับดอกเบี้ยปลายปี ฟาก “EIC ไทยพาณิชย์” ลุ้นโอมิครอนชะลอการเพิ่มขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐ

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ในปี 2565 แนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) คาดจะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทย เนื่องจากประเทศไทยยังเห็นภาพของเงินเฟ้อไม่ชัดเจนมากนัก รวมถึงเส้นอัตราผลตอบแทน (ยีลด์เคิร์ฟ) พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐสูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทย

โดย ณ สิ้นปี 2564 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (บอนด์ยีลด์) อายุ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 27 bps จากสิ้นปี 2563 มาอยู่ที่ 0.66% ขณะที่รุ่นอายุ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 68 bps มาอยู่ที่ 1.29% และรุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 61 bps มาอยู่ที่ 1.90%

“สมาคมประเมินว่าการออกหุ้นกู้ในปีนี้น่าจะทะลุ 1 ล้านล้านบาทต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากภาวะเศรษฐกิจที่จะเริ่มฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง รวมถึงบริษัทเอกชนไทยที่น่าจะยังมีความต้องการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นในช่วงไตรมาส4 ของปีนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของโอมิครอน” นายธาดากล่าว

ขณะที่นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน (ณ 12 ม.ค. 2564) บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปี ขยับสูงขึ้นทะลุ 2% ต่อปีแล้ว ซึ่งมองไปข้างหน้าจนถึงสิ้นปี 2565 คาดว่าบอนด์ยีลด์ทั้งรุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี น่าจะขยับตัวสูงขึ้นอีกราว 50 bps (0.5%) โดยบอนด์ยีลด์รุ่นอายุ 5 ปี จะไปอยู่ที่ 1.7-1.8% ส่วนรุ่นอายุ 10 ปี จะไปอยู่ที่ 2.3-2.51% ส่วนรุ่นอายุ 2 ปี คาดว่าน่าจะขยับขึ้นมาไม่เกิน 10 bpsจะไปอยู่ที่ประมาณ 0.75% เนื่องจากมีโอกาสที่ช่วงไตรมาส 4 อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับตัวขึ้น

“สถานการณ์ในตอนนี้บอนด์ยีลด์ที่กระชากขึ้นมาทั้งของสหรัฐที่มาจากปัจจัยเงินเฟ้อ ส่วนของไทย แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ประเมินว่า เงินเฟ้อจะอยู่ภายใต้กรอบนโยบายที่ไม่เกิน 3% แต่ก็ดูเหมือนมีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้นจากปัจจัยเรื่องของราคาน้ำมัน และการชะงักงันหรือสะดุดของห่วงโซ่อุปทาน การแพร่ระบาดของโควิด-19 และทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าจะขยายตัวในระดับต่ำ จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยังกลับมาได้ไม่เต็มที่” นางสาวอริยากล่าว

ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์วิเคราะห์ว่า ความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกมีความผันผวนมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อทิศทางบอนด์ยีลด์ โดยบอนด์ยีลด์ระยะยาวอาจผันผวนและปรับลดลงได้ในห้วงเวลาที่มีการแพร่ระบาด

ทั้งนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC minutes) ซึ่งส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายที่ตึงตัวขึ้น ทำให้บอนด์ยีลด์สหรัฐทั้งตัวอายุสั้นและตัวอายุยาวปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

สำหรับผลกระทบจากโอมิครอนนั้นคาดว่าระหว่างการแพร่ระบาดนักลงทุนจะมีความต้องการเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวของสหรัฐอาจปรับลดลงตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในบางช่วงได้ ซึ่งจะส่งผลต่อบอนด์ยีลด์ของประเทศอื่น ๆ รวมถึงไทยเช่นกัน ในระยะต่อไปหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดทยอยคลี่คลายตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีนี้ บอนด์ยีลด์ระยะยาวก็มีแนวโน้มกลับมาสูงขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ตลาดแรงงานที่ตึงตัวและแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ขณะที่บอนด์ยีลด์ระยะสั้นของสหรัฐมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามการสื่อสารถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่สื่อสารว่ามีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งในปี 2565 และอีก 3 ครั้งในปี 2566 ตามลำดับ

ส่วนบอนด์ยีลด์ระยะยาวของไทยมีความสัมพันธ์ค่อนข้างสูงกับบอนด์ยีลด์ของสหรัฐระยะยาว ทำให้คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นหลังสถานการณ์การระบาดดีขึ้น โดยบอนด์ยีลด์ไทยระยะยาวอาจปรับลดลงได้ตามทิศทางบอนด์ยีลด์ระยะยาวของสหรัฐที่อาจลดลงในบางช่วงของการแพร่ระบาด

อย่างไรก็ดี EIC คาดว่าบอนด์ยีลด์ระยะยาวของไทยในช่วงครึ่งหลังของปีหน้าจะปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.2-2.3% ตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและอุปทานพันธบัตรรัฐบาลไทยที่คาดว่าจะมีออกมามากขึ้นตามความต้องการระดมทุนของภาครัฐไทย

ด้านบอนด์ยีลด์ระยะสั้นของไทยมีแนวโน้มทรงตัวตามแนวโน้มการคงดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ยังเปราะบาง จึงทำให้อัตราผลตอบแทน (yield curve) ของไทยมีแนวโน้มปรับชันขึ้นในปี 2565 (yield curve steepening)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดสหรัฐประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในเดือน ธ.ค. 2564 ออกมาขยายตัวที่ 7.0% ต่อปี สูงที่สุดในรอบ 40 ปีนับตั้งแต่ปี 2525 (ค.ศ. 1982) ซึ่งทางสมาคมระบุว่า ทำให้บอนด์ยีลด์ไทยขยับขึ้นอีก 2 bps


ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า บอนด์ยีลด์ของไทยอาจขยับขึ้นในปี 2565 จาก 2 ปัจจัย ได้แก่ ทิศทางขาขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐ และปริมาณพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ภาครัฐมีแผนจะออกเพิ่มขึ้น โดยคาดว่า บอนด์ยีลด์ อายุ 2 ปี และอายุ 10 ปีของไทย อาจขยับสูงขึ้นแตะ 0.80% และ 2.20% ในปี 2565 จากระดับ 0.66% และ 1.90% ณ สิ้นปี 2564 ตามลำดับ