Kubix เปิดขายโทเคนลงทุนผ่านหนัง บุพเพสันนิวาส 2 วงเงิน 265 ล้านบาท

บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด หรือ Kubix ผนึก บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด และ บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด เปิดตัว “DESTINY TOKEN” โทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุนตัวแรกของไทย กับภาพยนตร์ “บุพเพสันนิวาส 2” เสนอขายโทเค็นดิจิทัล 3 รูปแบบ มูลค่าระดมทุน 265 ล้านบาท ระยะเวลาลงทุนไม่เกิน 2 ปี รับผลตอบแทน 2.99% ต่อปี บวกพิเศษอีก 2.01% หากรายได้ภาพยนตร์ทั่วประเทศอยู่ที่ 1 พันล้านบาท พร้อมเดินหน้าต่อยอดระดมทุนผ่านโทเคนสู่วงการอื่น

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 นางสาวอภิญญา เรืองทวีคูณ Managing Director บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด (Kubix) เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ให้สามารถประกอบธุรกิจให้บริการระบบเสนอขายโทเค็นดิจิทัล (ICO Portal) เต็มรูปแบบ Kubix ร่วมกับ GDH และ บรอดคาซท์ ไทยฯ ในการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายโทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Whitepaper) ขาย “เดสทินี โทเค็น” (DESTINY TOKEN) จากภาพยนตร์ “บุพเพสันนิวาส 2”

ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. และจะเปิดให้มีการจองซื้อผ่าน แอป Kubix เมื่อโครงการได้รับการอนุมัติแล้วต่อไป โดยแอป Kubix จะมีการเปิดตัวอีกครั้งในเดือนมีนาคมนี้

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถเลือกร่วมลงทุนกับ DESTINY TOKEN ได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.I am Glad Token ราคา 5,559 บาท จำนวน 15,559 โทเค็น 2.I am Delighted Token ราคา 155,559 บาท จำนวน 459 โทเค็น และ 3. I am Happy Token ราคา 1,555,559 บาท จำนวน 69 โทเค็น รวมทั้งหมด 16,087 โทเค็น มูลค่าระดมทุนกว่า 265 ล้านบาท ระยะเวลาลงทุนไม่เกิน 2 ปี โดยผู้ถือโทเค็นทุกรูปแบบจะได้รับเงินผลตอบแทนพื้นฐานที่ 2.99% ต่อปี และจะได้ผลตอบแทนพิเศษเพิ่มอีก 2.01% ต่อปี เมื่อภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส 2 มีรายได้ Box Office ทั่วประเทศตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท ขึ้นไป

นอกจากนี้ ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายตามประเภทของโทเค็นที่ถือด้วย เช่น สิทธิการร่วมชมภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส 2 รอบพิเศษก่อนใคร การปรากฏชื่อในเครดิตท้ายภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส 2 ในฐานะ Special Destiny Executive Producer รวมทั้งชุดของที่ระลึกคอลเล็กชั่นสุดพิเศษ

Advertisment

“โดย Token Movie Financing จะเป็นเหรียญแรกที่เราจะทำขึ้น โดยนำผู้สร้างหนังมาเจอกับนักลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนสามารถซื้อได้มากกว่า 1 Token และเมื่อถึงเวลาตามกำหนดการถือครอง ผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นและอัตราผลตอบแทนที่ระบุไว้ หากรายได้หลังเกิน 1,000 ล้านบาท ผู้ลงทุนก็ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5% แต่โดยพื้นฐานผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเท่ากันอยู่ที่ 2.99%

อย่างไรก็ดี ในอนาคตเราไม่ได้จำกัดการระดมทุนเฉพาะวงการภาพยนตร์ แต่ยังสามารถขยายไปวงการอื่น เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มโรงแรม โรงพยาบาล บริษัทพลังงาน เป็นต้น แต่เบื้องต้นเราเน้นเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ก่อน”

Advertisment

ด้านนางสาวจินา โอสถศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด กล่าวว่า จากความสำเร็จของ “ออเจ้าฟีเวอร์” ที่สร้างปรากฏการณ์โด่งดังไปทั่วเมือง ทางจีดีเอชจึงต้องการต่อยอดมอบความสุขให้กับผู้ชมอีกครั้ง ด้วยการนำไอเดียของคำว่าบุพเพสันนิวาสที่ต้องเกิดมาเจอกันทุกชาติทุกภพ มาสร้างเป็นภาพยนตร์ไทย โดยมีทีมงานมืออาชีพอย่างพี่เก้ง-จิระ มะลิกุล มาเป็นโปรดิวเซอร์ และได้ ปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม รับหน้าที่ผู้กำกับ รวมทั้งยังได้นักแสดงคู่ขวัญ โป๊ป-ธนวรรธน์ และ เบลล่า-ราณี ร่วมด้วย ไอซ์-พาริส ฯลฯ มาร่วมแสดง ทำให้มั่นใจมากว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะตราตรึงใจของผู้ชมทั่วประเทศอีกครั้ง

และในการต่อยอดที่จะทำให้ภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส 2 ประสบความสำเร็จได้นั้น มีการปรึกษาหารือกันว่า อยากทำอะไรที่พิเศษและแตกต่าง อยากให้ผู้ชม และแฟน ๆ ภาพยนตร์ ได้มีส่วนร่วมกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เป็นผู้ชมเพียงอย่างเดียว จึงเกิดจุดเริ่มต้นของโทเค็นดิจิทัลที่มานำเสนอในตลาด เพื่อให้แฟน ๆ และผู้ชมคนดูหนังไทยได้มีโอกาสเป็นผู้ร่วมลงทุนในภาพยนตร์ไทยที่ตนเองชื่นชอบ เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

นางสาวอรุโณชา ภาณุพันธุ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด กล่าวว่า จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ทางจีดีเอชได้ติดต่อมาว่าอยากทำเป็นภาพยนตร์ รู้สึกดีใจมากและเชื่อมั่นว่าจะต้องมีความแปลกใหม่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะจะเป็นการเล่าเรื่องราวในชาติภพต่อไป ที่บุพเพสันนิวาสนำพาให้ทั้งสองได้กลับมาเกิดและเจอกันอีกครั้งในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น รวมทั้งได้มีการปรึกษากันที่จะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับมาครองใจผู้ชมอีกครั้ง

สำหรับโทเค็นตัวนี้ให้สิทธิประโยชน์หลายอย่าง ทั้งมีสิทธิชมภาพยนตร์ก่อนใคร ได้ของพรีเมี่ยมที่หาซื้อไม่ได้ไว้เก็บเป็นที่ระลึก จึงอยากให้แฟน ๆ ออเจ้าเข้ามาเป็นส่วนร่วมกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ร่วมกันผลักดันธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ให้เติบโตมากขึ้นในอนาคต

นายญาณวิทย์ รักษ์ศรี Managing Director บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด กล่าวในตอนท้ายว่า Kubix ให้ความสำคัญกับผู้ลงทุนเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงและเป็นจุดประสงค์หลักในการออกแบบ DESTINY TOKEN คือ “โทเค็นดิจิทัลแบบไหนที่จะตอบโจทย์ทั้งกลุ่มผู้ลงทุนและกลุ่มแฟนภาพยนตร์ไทย ?” ทำให้การลงทุนใน DESTINY TOKEN ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงคำว่า “ผู้ลงทุน” เท่านั้น ยังรวมไปถึง “แฟนภาพยนตร์” ที่สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ที่ชื่นชอบได้ด้วย

ซึ่งแอปพลิเคชั่น Kubix จะมารองรับการลงทุนในโทเค็นดิจิทัลที่เป็นมากกว่าแค่เรื่องของเงิน โดยผู้ใช้งานสามารถรับผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์สุดพิเศษต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วนในแอปเดียว ช่วยสร้างสรรค์ประสบการณ์การลงทุนรูปแบบใหม่ ทำให้การลงทุนและการใช้ชีวิตเป็นเรื่องเดียวกัน ตามคอนเซ็ปต์ของ Kubix ที่ว่า Invest Earn Experience

อนึ่ง ภาพยนตร์เรื่องบุพเพสันนิวาส 2 และการเสนอขายโทเค็นดิจิทัลต่อประชาชนโดยใช้ชื่อ “DESTINY TOKEN” เป็นการดำเนินการของบริษัท สเปเชียล เดสทินี จำกัด (Special Destiny) ซึ่งถือหุ้นโดย บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด และบริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด เท่านั้น การดำเนินการเสนอขายโทเค็นดิจิทัลดังกล่าวจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือช่อง 3 รวมถึงละครโทรทัศน์เรื่อง บุพเพสันนิวาส และพรหมลิขิต แต่อย่างใด

และบริษัท สเปเชียล เดสทินี จำกัด ขอรับรองว่า ภาพยนตร์และโทเค็นดิจิทัลไม่มีส่วนที่จัดทำขึ้นโดยละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หากมีการใช้งานทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว บริษัท สเปเชียล เดสทินี จำกัด จะดำเนินการขออนุญาตใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาให้ถูกต้องก่อนเผยแพร่สู่สาธารณชน