
โดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth
สำหรับบทความนี้ผมจะพาคุณไปทำความรู้จัก 8 บริษัทจีนที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ โดยเราเปรียบเทียบมาร์เก็ตแคปของแต่ละบริษัทระหว่างต้นปี 2564 – 2565 รวมไปถึงเจาะลึกข้อมูลของแต่ละบริษัท ว่าประกอบธุรกิจอะไร มีความน่าสนใจอย่างไร และเพราะอะไรถึงน่าลงทุน ที่สำคัญ คือ ราคาหุ้นที่โดนแรงกดดันต่างๆ นานา ถึงจุด Undervalued หรือยัง แล้วคุณภาพกิจการยังแข็งแกร่งอยู่หรือไม่
- บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มใช้ 1 เม.ย.66 รับเงินคนละกี่บาทต่อเดือน เช็กที่นี่
- เปิดฐานะ เงินกองทุนแบงก์ไทย แข็งแกร่งจริงไหม?
- ทุนใหญ่ สารสิน-มหากิจศิริ เปิดสายการบินใหม่รับท่องเที่ยวฟื้น
เจาะลึก 8 หุ้นบิ๊กแคปจีน
บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีน มีชื่อดังระดับโลกอย่าง Tencent และ Alibaba ถูกจัดว่าเป็นหุ้นเมกะแคป (Mega Cap) มูลค่ากิจการมากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เรียกได้ว่า อยู่ในกลุ่มเดียวกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple Microsoft Alphabet และ Meta Platforms
นอกจากนี้จีนยังมีหุ้นบิ๊กแคปที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10,000-200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่าง Meituan JD.com และ BYD หรือกลุ่มการเงินอย่าง ธนาคาร China Merchants ธนาคาร China Construction และบริษัท Ping An Insurance
โดย 8 บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนกลุ่มนี้ ติดอยู่ใน 20 บริษัทแรกที่ ETF (Exchange-Traded Fund) ธีมตลาดหุ้นจีนหลายร้อยหลายพันกองทุนลงอยู่ ด้วยมูลค่ากิจการขนาดใหญ่ ทำให้ 8 หุ้นบิ๊กแคปจีนมีผลต่อความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง ซึ่งมาจากหุ้นกลุ่ม H-Share (อยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง) และ US-ADR (อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ) บางบริษัทเป็น Dual Listing คือ ซื้อขายผ่าน 2 ตลาดหุ้น
ทั้ง 8 บริษัทที่ผมรวบรวมมานี้ เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่มีผลต่อเศรษฐกิจจีน เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่รัฐบาลจีนเองก็ต้องการให้เป็นกลุ่มบริษัทที่สร้างอำนาจต่อรองให้จีนอยู่บนเวทีโลก สร้างความแข็งแกร่งเพื่อให้ทัดเทียมกับสหรัฐฯ ไม่เพียงเท่านั้น หลายๆ หุ้นบิ๊กแคปจีนยังอยู่ในกลุ่มการเงินซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน ผ่านการเงินภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมของจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มีตลาดประชากรระดับ 1,400 ล้านคน มากที่สุดในโลกและมีงบการเงินที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ซึ่งจะทำให้คุณได้เห็นถึงโอกาสการลงทุนของบริษัททั้ง 8 บริษัทนี้อีกด้วย
Tencent
มาร์เก็ตแคป วันที่ 4 มกราคม 2564 อยู่ที่ 698,920 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และวันที่ 3 มกราคม 2565 อยู่ที่ 559,330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าลดลง -19.97%
บริษัท IT อันดับ 1 ของจีน ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันแชตชื่อดังอย่าง Weixin และ WeChat ที่มีจำนวนผู้ใช้มหาศาลในจีนแผ่นดินใหญ่นอกจากนี้ Tencent ยังขยายธุรกิจไปลงทุนในเกมออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ สื่อบันเทิง อสังหาริมทรัพย์ สุขภาพ และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้ครอบคลุมกับทุกธุรกิจ ทำให้ Tencent กลายมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดของจีนในระดับเมกะแคป
ที่ผ่านมา Tencent ถูกทางการจีนเข้าตรวจสอบอำนาจเหนือตลาด มีคำสั่งจ่ายค่าปรับต่างๆ และปรับโครงสร้างการให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Tencent Music ที่ไปซื้อกิจการมา เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดกับผู้ใช้งานจีนTencent มีความสามารถทำกำไรและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยมาร์เก็ตแคปที่ลดลงในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นมีราคาถูกลงและยัง Undervalued อยู่ ขณะที่ตัวบริษัทยังสามารถสร้างรายได้และกำไรให้เติบโตได้อยู่
สำหรับงบการเงินย้อนหลัง 3 ปีของ Tencent (ดูตาราง)
2561 | 2562 | 2563 | |
รายได้รวม | 355,998 | 422,003 | 572,146 |
กำไรสุทธิ | 89,621 | 104,369 | 189,717 |
ที่มา: Jitta และ YCharts หน่วย: ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
Alibaba
มาร์เก็ตแคป วันที่ 4 มกราคม 2564 อยู่ที่ 618,040 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2565 อยู่ที่ 326,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าลดลง -47.20%
Alibaba ทำเว็บไซต์อีมาร์เก็ตเพลสที่ใหญ่ที่สุดของจีน ตัวกลางที่ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้เข้ามาพบกัน และเกิดการแลกเปลี่ยนกันทางการค้า โดยกลุ่มธุรกิจหลักแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจคลาวด์ ธุรกิจเทคโนโลยี ธุรกิจสื่อและความบันเทิง สำหรับอีมาร์เก็ตเพลส Alibaba มีโมเดลธุรกิจที่แบ่งออกง่ายๆ 3 รูปแบบ คือ Business-2-Customer (B2C) Customer-2-Customer (C2C) และ Business-2-Business (B2B)
Alibaba กลายมาเป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ดังที่สุดในโลก มีรายได้หลักมาจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี จนขึ้นมาเป็นบริษัทจีนในระดับเมกะแคป ก่อนที่จะตกลงมาเป็นอันดับ 2 ในปัจจุบัน ซื้อขายใน 2 ตลาดหุ้น คือ สหรัฐฯ และฮ่องกงไม่มีข้อยกเว้น Alibaba เจอคำสั่งจ่ายค่าปรับหลายๆ กรณีจากรัฐบาลจีน ส่งผลให้ราคาหุ้นและมาร์เก็ตปรับลดลงไม่ต่างจากบริษัทอื่นๆ
เมื่อราคาหุ้นลดลง แต่งบการเงินของ Alibaba ยังเติบโต ทั้งรายได้และกำไร รวมไปถึงปีงบประมาณ 2565 (เม.ย. – มี.ค.) ที่ผลประกอบการรายไตรมาสยังมีการเติบโตอยู่ นั่นหมายความว่า ราคาหุ้นถูกลง เป็นหุ้น Undervalued แต่พื้นฐานกิจการยังแข็งแรงอยู่
สำหรับงบการเงินย้อนหลัง 3 ปีของ Alibaba (ดูตาราง)
2562 | 2563 | 2564 | |
รายได้รวม | 440,718 | 557,901 | 851,065 |
กำไรสุทธิ | 102,782 | 163,561 | 178,661 |
ที่มา: Jitta และ YCharts หน่วย: ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ปีงบประมาณ: เม.ย. – มี.ค.
Meituan
มาร์เก็ตแคป วันที่ 4 มกราคม 2564 อยู่ที่ 220,210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และวันที่ 3 มกราคม 2565 อยู่ที่ 176,420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าลดลง -19.89%
Meituan ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันส่งอาหารของจีน ครอบคลุมตั้งแต่การหาร้านอาหาร รีวิวร้านอาหาร รวมไปถึงการให้บริการด้านไลฟ์สไตล์อื่นๆ แบบครบวงจร ปี 2562 Meituan สามารถส่งอาหารได้มากถึง 25 ล้านรายการต่อวัน และเป็นผู้นำด้านธุรกิจส่งอาหาร บริษัทเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ใช้เวลาเพียง 3 ปี ขึ้นมาเป็นบริษัทระดับเมกะแคปของจีนได้ในช่วงปี 2563 และทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในรอบปี 2564 บริษัทเผชิญกับการเข้าตรวจสอบจากรัฐบาลจีนและคำสั่งค่าปรับเช่นเดียวกัน รวมทั้งมีข้อร้องเรียนจากเจ้าของร้านอาหารว่า ถูกจำกัดสิทธิ์ไม่ให้ไปรับบริการจากแพลตฟอร์มสั่งอาหารเจ้าอื่นๆ เพื่อแลกกับค่า GP (Gross Profit) ที่ถูกกว่า แต่คุณจะเห็นว่า ผลประกอบการของ Meituan ยังมีการเติบโตสูงจากรายได้และกำไร แต่มูลค่าหุ้นที่แพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้น Jitta ระบุว่า ยัง Overvalued กว่าพื้นฐานกิจการ โดยวัดจากโอกาสเติบโตในอนาคตและผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
งบการเงินย้อนหลัง 3 ปีของ Meituan (ดูตาราง)
2561 | 2562 | 2563 | |
รายได้รวม | 73,741 | 108,208 | 135,196 |
กำไรสุทธิ | N/A | 2,504 | 5,588 |
ที่มา: Jitta และ YCharts หน่วย: ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
China Construction Bank
มาร์เก็ตแคป วันที่ 4 มกราคม 2564 อยู่ที่ 183,380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2565 อยู่ที่ 174,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าลดลง -4.77%
ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของจีน เป็นธนาคารเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาในปี 2497 ให้บริการด้านการเงินแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้า ขยายธุรกิจครอบคลุมหลายพื้นที่มากกว่า 14,700 สาขา และมีพนักงานมากกว่า 349,671 คน โดยให้บริการลูกค้าบุคคลและองค์กรหลายร้อยล้านราย จากทั้งหมด 31 ประเทศทั่วโลก
China Construction Bank เป็นธนาคารที่มีมูลค่าบริษัทสูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ในบรรดาธนาคารพาณิชย์ทั่วโลก หุ้นกลุ่มธนาคารมีบทบาทสำคัญต่อตลาดหุ้นจีน การเติบโตของผลประกอบการ อยู่บนพื้นฐานของ GDP ประเทศ ปีที่เกิด Covid-19 เศรษฐกิจไม่ได้ทรุดหนักมาก เพราะแก้ปัญหาการระบาดได้เร็ว รายได้และกำไรของ China Construction Bank ก็เติบโตได้ดี ดังนั้นมูลค่ากิจการที่ลดลงเพียงเล็กน้อยในปี 2564 อาจจะได้รับผลกระทบจากตลาดหุ้นฮ่องกงที่ผันผวน แต่ราคาหุ้นยัง Undervalued อยู่
งบการเงินย้อนหลัง 3 ปีของ China Construction Bank (ดูตาราง)
2561 | 2562 | 2563 | |
รายได้รวม | 578,104 | 606,938 | 667,455 |
กำไรสุทธิ | 289,922 | 298,345 | 321,700 |
ที่มา: Jitta และ YCharts หน่วย: ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
JD.com
มาร์เก็ตแคป วันที่ 4 มกราคม 2564 อยู่ที่ 133,960 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2565 อยู่ที่ 106,130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าลดลง -20.77%
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซชื่อดังที่ถูกเรียกว่าเป็น Amazon ของจีน เนื่องจาก JD.com ได้ลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์จำนวนมหาศาล ทั้งศูนย์กระจายสินค้าในจีนกว่า 6,900 แห่ง และพนักงานส่งสินค้ากว่า 70,000 คน ทำให้สามารถส่งสินค้าด่วนภายใน 1 วัน ใน 43 เมืองใหญ่ของจีน ซึ่ง JD.com มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก และมีแผนจะขยายธุรกิจไปอย่างมั่นคง
JD.com อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ผ่านมามีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในหลายๆ ธุรกิจ ทั้งจับมือกับ Walmart ห้างสรรพสินค้าชื่อดังของสหรัฐฯ เพื่อบุกตลาดจีน รวมไปถึงในไทยที่จับมือกับกลุ่ม กลุ่ม Central เพื่อขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซและฟินเทคอีกด้วย
ทางการจีนเข้าตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของ JD.com เช่นเดียวกัน เพราะถูกนับเป็นบิ๊กเทคเหมือนกับ Tencent และ Alibaba ส่งผลให้มูลค่ากิจการและราคาหุ้นลดลงในช่วงปีที่ผ่านมา แม้ว่าราคาหุ้นยัง Overvalued แต่ผลประกอบการของ JD.com มีแนวโน้มเติบโตอยู่
สำหรับงบการเงินย้อนหลัง 3 ปีของ JD.com (ดูตาราง)
2561 | 2562 | 2563 | |
รายได้รวม | 67,168 | 82,847 | 114,164 |
กำไรสุทธิ | -362.2 | 1,966 | 7,779 |
ที่มา: Jitta และ YCharts หน่วย: ล้านดอลลาร์สหรัฐ
China Merchants Bank
มาร์เก็ตแคป วันที่ 4 มกราคม 2564 อยู่ที่ 151,270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2565 อยู่ที่ 196,660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าเพิ่มขึ้น +30.00%
ธนาคารเก่าแก่ของจีนที่ก่อตั้งมาในปี 2530 มีบทบาทสำคัญที่ช่วยในการปฏิรูปและการเปิดประเทศของจีน China Merchants Bank ได้พัฒนาองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง และสามารถเติบโตจนขยายสาขาไปมากกว่า 1,800 แห่งทั่วโลก โดยให้บริการ 130 เมืองในจีนแผ่นดินใหญ่ และมีเป้าหมายที่จะผลักดันนวัตกรรมธนาคารดิจิทัลและเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการธนาคาร
China Merchants Bank เป็นธนาคารที่มีชื่อเสียงในระดับโลก และอยู่ในอันดับที่ 20 จากการจัดอันดับ Top 1000 Global Banks of the Banker
แม้ว่าผลประกอบการที่ผ่านมามีแนวโน้มเติบโต มูลค่ากิจการและราคาหุ้นเพิ่มขึ้นสูงในช่วงปีที่ผ่านมา แต่การวิเคราะห์จากแพลตฟอร์ม Jitta บอกว่า ราคาหุ้น China Merchants Bank ยัง Overvalued โดยวัดจากสัญญาณการเติบโตของรายได้ และ ค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อยอดขาย (SG&A to Sales) มาแนวโน้มเพิ่มขึ้น
สำหรับงบการเงินย้อนหลัง 3 ปีของ China Merchants Bank (ดูตาราง)
2561 | 2562 | 2563 | |
รายได้รวม | 213,724 | 233,363 | 267,770 |
กำไรสุทธิ | 91,717 | 103,873 | 115,532 |
ที่มา: Jitta และ YCharts หน่วย: ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
Ping An Insurance
มาร์เก็ตแคป วันที่ 4 มกราคม 2564 อยู่ที่ 221,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2565 อยู่ที่ 131,890 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าลดลง -40.35%
กลุ่มธุรกิจประกันผู้บริการการเงินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีชั้นนำของโลก บริษัทเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง และเพิ่มการลงทุนในฟินเทคและเฮลท์เทค เพื่อยกระดับองค์กรให้ไปในทิศทางที่ทันสมัย นอกจากนี้ Ping An Insurance ยังใช้นวัตกรรมเพื่อสนับสนุนบริการการเงิน สุขภาพ และรถยนต์
Ping An Insurance ได้รับการจัดอันดับโดย WPP Kantar Millward Brown Brand ZTM Top 100 Most Valuable Global Brands ให้เป็นบริษัทอันดับ 1 ในกลุ่มบริษัทประกันภัยระดับโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 6
ในช่วงปี 2564 บริษัทถูกหน่วยงานกำกับดูแลด้านธนาคารและประกันของจีน ให้หยุดขายผลิตภัณฑ์การลงทุนทางเลือกที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ และกังวลว่า บริษัทจะเข้าลงทุนและเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์ในสัดส่วนที่สูงเกินไป
ประเด็นข่าวนี้ อาจส่งผลให้มูลค่ากิจการและราคาหุ้นของ Ping An Insurance ลดลง แต่ด้วยรายได้และกำไรที่ยังเติบโตสูง ทำให้แพลตฟอร์ม Jitta วิเคราะห์ว่า ราคาหุ้นยัง Undervalued เพราะงบการเงินแข็งแกร่งมาก
สำหรับงบการเงินย้อนหลัง 3 ปีของ Ping An Insurance (ดูตาราง)
2561 | 2562 | 2563 | |
รายได้รวม | 1.216 ล้าน | 1.351 ล้าน | 1.477 ล้าน |
กำไรสุทธิ | 122,278 | 167,114 | 169,840 |
ที่มา: Jitta และ YCharts หน่วย: ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
BYD
มาร์เก็ตแคป วันที่ 4 มกราคม 2564 อยู่ที่ 76,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2565 อยู่ที่ 101,470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าลดลง +32.61%
รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยคำว่า BYD ย่อมาจากคำว่า Build Your Dream ที่แปลว่าสร้างฝันของคุณ จุดเริ่มต้น BYD ผลิตรถยนต์แบบใช้น้ำมัน แต่ในปี 2551 บริษัทได้พัฒนารถยนต์พลังไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริดคันแรกของโลกได้ จนทำให้บริษัทโด่งดังถึงขนาดที่นักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffet เข้ามาลงทุน
BYD เป็นบริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก โดยเป็นรองเพียงแค่บริษัท Tesla Toyota และ Volkswagen เท่านั้น
ปี 2564 มูลค่ากิจการและราคาหุ้น BYD เพิ่มขึ้นสูงมาก ส่วนหนึ่งมาจากธุรกิจเมกะเทรนด์อย่างรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและเป็นเทคโนโลยียานยนต์ที่เป็นอนาคต ส่งผลให้มีเม็ดเงินจากนักลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
แม้รายได้รวมมีแนวโน้มที่มั่นคง SG&A to Sales ลดลง แต่บริษัทยังมีความไม่แน่นอนในการทำกำไร ใช้เงินลงทุนสูง และมีหนี้สินมาก จึงเป็นหุ้นที่มีราคา Overvalued
สำหรับงบการเงินย้อนหลัง 3 ปีของ BYD (ดูตาราง)
2561 | 2562 | 2563 | |
รายได้รวม | 148,066 | 142,877 | 185,861 |
กำไรสุทธิ | 3,165 | 1,806 | 5,026 |
ที่มา: Jitta และ YCharts หน่วย: ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่า หลายๆ บริษัทของจีนมีมูลค่าตลาดลดลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งมาจากแรงกดดันจากการเข้าตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของรัฐบาลจีน ที่ต้องการจัดระเบียบและออกกฎให้บริษัทเหล่านี้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ไม่มีบริษัทไหนมีอำนาจเหนือตลาด ขณะเดียวกันมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม และมีทางเลือกให้ผู้บริโภคเลือกสินค้าและบริการได้อย่างเสรีโดยไม่มีข้อจำกัด
ในขณะเดียวกันก็มีข่าวสารเชิงลบอื่นๆ เช่น พลังงานที่ไม่เพียงพอในจีน ส่งผลให้ไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ รวมไปถึงการผิดนัดชำระหนี้ของ China Evergrande ที่ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นข่าวร้ายเสมอไป
ราคาหุ้นหลายๆ บริษัทที่ลดลง ส่งผล จีนหลายตัวอยู่ในช่วงราคาที่น่าเข้าลงทุน โดย UBS ธนาคารเพื่อการลงทุนข้ามชาติ ให้มุมมองต่อตลาดหุ้นจีนว่า น่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก ด้วยราคาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม หากทางการจีนสามารถจัดการเรื่องนโยบายต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ จะทำให้ตลาดหุ้นจีนกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ แบงก์ชาติจีนเตรียมลดอัตราเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) อีก 0.5% เพื่อให้มีสภาพคล่องหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น และผู้นำระดับสูงของจีนให้คำมั่นว่าจะรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจจีนในปี 2565 โดยเริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลายมาตรการควบคุมภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตในระดับที่เหมาะสมไปพร้อมกับสังคมที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
อย่างไรก็ตามคำถามที่เกิดขึ้นมาคือ หากต้องการจะลงทุนในหุ้นบิ๊กแคปของจีนเหล่านี้ สามารถทำได้ด้วยวิธีใดบ้าง ผมได้รวบรวมวิธีการลงทุนมาให้คุณแล้ว
โอกาสลงทุน ‘หุ้นบิ๊กแคปจีน’ มีอะไรบ้าง
หากคุณต้องการจะลงทุนใน ‘หุ้นบิ๊กแคปจีน’ รายบริษัท จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ด้วยราคาหุ้นที่สูงและคุณจำเป็นต้องลงทุนหุ้นหลายๆ บริษัทเพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตของคุณ
แต่ผมมีวิธีที่ทำให้คุณได้ในหุ้นบิ๊กแคปจีนได้อย่างง่ายดาย ผ่าน ETF อย่าง บลจ. จิตตะ เวลธ์ ก็มีให้บริการกองทุนส่วนบุคคล Global ETF และ Thematic พร้อมกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน ETF กองเดียว กับโอกาสลงทุนในหุ้นบิ๊กแคปจีนทั้งกลุ่ม สำหรับข้อมูล 8 หุ้นบิ๊กแคปจีนเพิ่มเติมสามารถหาอ่านได้ที่เว็บไซต์
Global ETF https://jittawealth.com/global-etf
Thematic https://jittawealth.com/thematic/