คอลัมน์ : เช็กกระแสหุ้น
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 มี.ค.-1 เม.ย.) ดัชนีได้ขึ้นมาทดสอบที่บริเวณ 1,700 จุด แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะยืนอยู่ได้
โดย “สรพล วีระเมธีกุล” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ โดยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ที่มีการปรับลดตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ลงมา แต่น้อยกว่าที่ประมาณการ ถือว่าการบริโภคในประเทศยังเติบโตค่อนข้างโดดเด่น จึงไม่ได้กระทบต่อตลาดหุ้น
ส่วนแนวโน้มในสัปดาห์ข้างหน้านี้ (4-8 เม.ย.) คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังแกว่งตัว sideway down โดยให้กรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1,665-1,705 จุด
ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทั้งในฝั่งยุโรปและจีนที่จะส่งผลต่ออุปสงค์น้ำมัน ขณะที่หุ้นไทยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับกลุ่มพลังงาน ฉะนั้นการอ่อนตัวของราคาน้ำมันดิบจะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นพลังงานให้ปรับตัวลงได้
นอกจากนี้ ยังต้องจับตาสถานการณ์รัสเซียกับยูเครน ว่าผลกระทบจะรุนแรงมาถึงเศรษฐกิจไทยแค่ไหน เพราะเศรษฐกิจฝั่งยุโรปเริ่มได้รับผลกระทบจากการแบนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมากขึ้น
“2 ปัจจัยนี้ จะเป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่คอยกดดันภาพการลงทุนในสัปดาห์นี้”
ทั้งนี้ การลงทุนสัปดาห์นี้ นักลงทุนควรเลี่ยงหุ้นที่จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจทั่วโลกที่จะชะลอตัว เช่น กลุ่มพลังงาน, กลุ่มปิโตรเคมี และ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และเข้าสะสมหุ้นในกลุ่ม domestic play
ซึ่งได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นจากภาครัฐ การบริโภคภายในประเทศ เช่น กลุ่มไอซีที, กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มเครื่องดื่ม
