สารพัดปัจจัยลบ หุ้นไทยเสี่ยงทางลง 1,525-1,550 จุด

เล่นหุ้น ซื้อขายหุ้น
ภาพ : pixabay

“ฟิลลิป” ประเมินตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ดัชนี SET Index ยังเสี่ยงทางลง แกว่งตัวในกรอบ 1,525-1,550 จุด หลังราคาน้ำมันดิ่งแรง-กังวลเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย-ปัญหากองทุนน้ำมันฯ-เงินเฟ้อพุ่ง-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทรุด-โควิดเร่งตัวขึ้น ระวังหุ้น P/E สูงอาจเผชิญแรงเทขายเพื่อลดเสี่ยง

วันที่ 6 กรกฎาคม 2565 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ดัชนี SET Index ยังเสี่ยงทางลง คาดจะแกว่งตัวอิงทางลงในกรอบ 1,525-1,550 จุด โดยได้รับแรงกดดันจาก 1.ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรงหลุดระดับ 100 ดอลลาร์วานนี้ 2.ความกังวลต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) หลังเห็นสัญญาณ Inverted Yield Curve อีกครั้งในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 2 ปีและ 10 ปี และ 3.ความกังวลในแนวทางการแก้ไขปัญหากองทุนน้ำมันฯติดลบกว่าแสนล้านบาท อาจกดดันกลุ่มโรงกลั่นเพิ่มเติม

ขณะที่ภายในเผชิญประเด็นกดดันจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับ 7.66% ในเดือน มิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเป็นเดือนที่ 2 ท่ามกลางความกังวลในต้นทุนค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น อีกทั้งสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดอาจเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง โดยรวมจึงมองตลาดมีโอกาสแกว่งตัวอิงทางลงต่อได้

กลยุทธ์การลงทุนคาดวันนี้หุ้นที่น่าสนใจ คือ 1.กลุ่ม Anti-commodity เช่น SCC, SCGP, BGRIM,GPSC 2.กลุ่มโรงพยาบาล เช่น CHG, BCH, THG 3.กลุ่มปันผลสูง เช่น KKP, ADVANC, INTUCH ขณะที่หุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงหรือหุ้นที่มี P/E สูงอาจเผชิญแรงเทขายเพื่อลดความเสี่ยง

ส่วนการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายนอกอาจกลับมากดดันกลุ่มส่งออก แม้บาทอ่อน หลัง Dollar Index ดีดตัวขึ้นทะลุ 106 จุด กดดันต่อค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะ 35.92 บาทต่อดอลลาร์ เช้านี้

สำหรับมติคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) จะมาตามนัดหรือไม่ วันนี้เป็นวันชี้ชะตาโรงกลั่นอีกครั้ง หลัง กบน. มีการประชุมหารือในวันจันทร์โดยยังยืนยันจะตรึงเพดานราคาน้ำมันดีเซลที่ 35 บาทต่อลิตร ท่ามกลางความกังวลของสภาวะติดลบของกองทุนน้ำมันฯกว่าแสนล้านบาท จึงต้องจับตามองถึงการประชุมในวันนี้ โดยจะมีนายกฯเข้าร่วมเป็นประธานในที่ประชุม โดยมี 3 ทางเลือก ได้แก่

  1. รัฐบาลใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบังคับ
  2. รัฐบาลเสนอให้โรงกลั่นบริจาค โดยยกหลักธรรมาภิบาลของบริษัทขนาดใหญ่มากดดันว่าควรช่วยเหลือประชาชนที่กำลังลำบาก และ
  3. โรงกลั่นนำส่งเงินปันผลที่จะออกให้รัฐตามสัดส่วนหุ้นที่ภาครัฐถือครอง

โดยหากเป็นทางออกที่ 1 หรือ 2 รัฐบาลอาจได้เงินตามที่คาดราว 2 หมื่นล้านบาท แต่กลุ่มโรง
กลั่นไม่เห็นด้วย ขณะที่ทางออกที่ 3 ซึ่งกลุ่มโรงกลั่นเป็นผู้นำเสนอ แต่ภาครัฐอาจได้เงินไม่ครบตามจำนวนเนื่องจากจะได้เฉพาะในส่วนของ ปตท. และบางจาก

ขณะที่จะไม่ได้จากส่วนของโรงกลั่นต่างชาติ โดยรวมจึงมองความไม่แน่นอนของทางออกทั้ง 3 ยังคงเป็น Overhang ในกลุ่มโรงกลั่นต่อไป

หุ้นเด่นวันนี้ CHG จากคนไข้โควิดกลับมาอีกครั้ง และคนไข้ต่างชาติฟื้นตัวดี และ GULF ที่มีผประกอบการแข็งแกร่ง ได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการซื้อ 3BB ของ ADVANC