ผบ.ทร.แถลง เรือหลวงสุโขทัยอับปาง พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 6 ราย (อัพเดต)

ผบ.ทร.แถลงข่าวเรือหลวงสุโขทัยอับปาง
อัพเดตล่าสุด 20 ธ.ค. 2565 เวลา 19.59 น.

ผู้บัญชาการทหารเรือ แถลงข่าวเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ค้นหาพบแล้ว 81 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิต 6 ราย อยู่ระหว่างการนำส่งและพิสูจน์ทราบ ยังไม่พบอีก 23 ราย เผยในหลวงทรงรับกำลังพลทุกนายให้อยู่ใพระบรมราชานุเคราะห์ พร้อมเยียวยากำลังพลทุกนายเต็มที่ เลื่อน 5 ชั้นยศ

วันที่ 20 ธันวาคม 2565 พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และพลเรือเอกชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ เปิดแถลงข่าวกรณีเหตุเรือหลวง (ร.ล.) สุโขทัย ประสบเหตุการณ์พายุคลื่นลมแรงกลางทะเลอ่าวไทย บริเวณพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 18 ธันวาคม 2565

พล.ร.อ.เชิงชายกล่าวแถลงในตอนต้นว่า กองทัพเรือขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม รับกำลังพลของเรือสุโขทัยที่บาดเจ็บและเสียชีวิตทุกนายให้อยู่ใพระบรมราชานุเคราะห์

นอกจากนี้สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงประทานทั้งยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นให้แก่กำลังพลประจำเรือ ผู้ประสบภัยทุกนาย ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อกองทัพเรืออย่างหาที่สุดมิได้

พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ
พลเรือเอกเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)

เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 4 ราย

สำหรับความคืบหน้าการค้นหากำลังพล พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ล่าสุดพบกำลังพลเพิ่ม 6 ราย และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย ซึ่งกองทัพเรือต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องของกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยด้วย

“ผมต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องของกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยที่วันนี้เราได้มีการพบร่างของผู้เสียชีวิตของกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยจากการปฏิบัติการลาดตระเวนช่วยเหลือผู้ประสบภัย วันนี้เราพบผู้ประสบภัยเพิ่มขึ้น 6 ราย เป็นผู้ประสบภัยที่ยังมีชีวิต 2 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 4 ราย ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว ญาติพี่น้องของกำลังพลเรือสุโขทัยที่เสียชีวิตจากเรือหลวงอับปางในวันนี้ด้วย” พล.ร.อ.เชิงชายกล่าวและว่า ทางกองทัพเรือกำลังเร่งค้นหาผู้ประสบภัยที่สูญหายอีก 25 นายอย่างเร่งด่วนตลอด 24 ชั่วโมง

พล.ร.อ.เชิงชายกล่าวว่า การค้นพบผู้ประสบภัยในวันนี้ เป็นการค้นพบโดยเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศ และแจ้งต่อมาทางกองทัพเรือเพื่อเข้าช่วยเหลือ

สำหรับเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยประสบเหตุตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. ได้รับภารกิจลาดตระเวนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล จากสภาพอากาศที่กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่า มีมรสุมกำลังแรง เข้ามาในประเทศไทย ก่อให้เกิดคลื่นลมที่มีความรุนแรง ทะเลมีคลื่น 3-4 เมตร ตั้งแต่อ่าวไทยตอนกลางถึงอ่าวไทยตอนล่าง สภาพลมมรสุมพัดจากทิศเหนือมายังทิศใต้ มีผลต่ออ่าวไทยฝั่งตะวันออก

นอกจากนี้ขณะนั้นยังมีภารกิจสนับสนุนจัดงานครบรอบ 100 ปี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดากองทัพเรือไทย ที่ จ.ชุมพร โดยนำกำลังพลนาวิกโยธิน และหน่วยป้องกันชายฝั่ง หน่วยละ 15 นาย ต้องนำไปส่งเพื่อร่วมในงานเทิดพระเกียรติที่หาดทรายรี จ.ชุมพร

ภารกิจดังกล่าว เรือหลวงสุโขทัยได้แล่นไปกับเรือหลวงกระบุรี ซึ่งเรือหลวงกระบุรีนั้นไปถึงก่อน แต่พบว่าคลื่นลมแรง เรือทิ้งสมอไม่ได้ จึงได้ขออนุญาตจอดที่ท่าเรือบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นท่าน้ำลึก เพื่อหลบคลื่นลม ทั้ง 2 ลำจึงจะไปจอดที่ท่าดังกล่าว โดยเรือหลวงกระบุรีไปจอดได้แล้วที่ช่วงบ่าย ทางเรือหลวงสุโขทัยจะตามไปจอด

ระหว่างเดินทางจากหาดทรายรีไปยังท่าเรือบางสะพาน คลื่นลมแรงมาก สูง 3-4 เมตร วันนั้นมีเรือสินค้าเกยตื้น จ.สงขลา มีรายงานเรือจมที่ จ.สุราษฎร์ธานี เรือหลวงสุโขทัยประสบปัญหา จากข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่าน้ำเข้าเรือปริมาณมากที่หัวเรือ จนทำให้เกิดความเสียหายกับระบบไฟฟ้า ทางเรือพยายามสูบน้ำออกตามขั้นตอน โดยมีเครื่องสูบน้ำในเรือสูบออก แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับเครื่องจักร

เมื่อการสูบน้ำทำได้ไม่ทันเท่ากับปริมาณน้ำเข้ามา ทำให้น้ำเข้าตัวเรือมากขึ้นเรื่อย ๆ ปกติเรือรบจะทนทะเลมากกว่าเรือทั่วไป หากบริเวณไหนเสียหาย ก็จะผนึกน้ำแต่ละช่วง สร้างกำลังลอยในเรือ ให้อยู่ได้ ต่างจากเรือทั่วไปที่น้ำเข้า จะไหลเข้ามาเลย เมื่อสู้กับน้ำเข้ามาได้ จึงใช้การผนึกน้ำ ให้เรือลอยอยู่ได้

เครื่องจักรเสียหาย-ไฟฟ้าดับ เหตุเรืออับปาง

หลังจากพยายามสู้กับน้ำทะเล แต่เมื่อน้ำท่วมเครื่องจักรหลายส่วน จนบังคับเรือไม่ได้ เครื่องยนต์ซ้ายดับหลังน้ำเข้า เหลือเครื่องยนต์ขวาเพียงเครื่องเดียว และสูญเสียการควบคุมใบจักร จึงทำความเร็วเข้าท่าไม่ได้ สุดท้ายน้ำท่วมทำเครื่องไฟฟ้าดับทั้งหมด เครื่องจักรใหญ่สูญเสีย ทำให้เรือลอยลำกลางทะเล น้ำเข้ามาเรื่อย ๆ จนเอียงตามภาพที่เห็นในภาพข่าว

เรือหลวงสุโขทัยอับปาง

ระหว่างที่เรือหลวงสุโขทัยประสบปัญหา จึงได้แจ้งขอความช่วยเหลือ เรือหลวงกระบุรีได้ออกมาช่วยเหลือ อยู่ในระยะ 20 ไมล์จากท่าบางสะพาน แต่คลื่นลมแรงมาก จึงขอความช่วยเหลือเพิ่ม โดยสั่งการเรือหลวงอ่างทองซึ่งเป็นเรือใหญ่ มีสภาพเหมือนอู่ลอย และนำเรือเล็กลำเลียงเข้าพื้นที่ได้ โดยยังได้ส่งเรือหลวงภูมิพล และเฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินลาดตระเวนมาช่วย

ในเวลานั้นเรือหลวงกระบุรีได้เข้ามาช่วย ช่วง 2 ทุ่ม จึงมาถึงพบเรือหลวงสุโขทัยเอียง 60 องศา ตอนนั้นสภาพน้ำเข้าเรือ เริ่มคงที่ ทางกองทัพเรือได้ติดต่อท่าเรือ ขอเรือช่วยนำเรือสินค้าเข้าเทียบท่า จำนวน 2 ลำ ไปช่วยลากเรือสุโขทัยกลับท่าเรือบางสะพาน พร้อมขอความช่วยเหลือเรือในทะเล ทั้งเรือสินค้า เรือน้ำมันให้เข้ามาช่วยด้วย

ขณะนั้นเรือหลวงกระบุรีพยายามเข้ามาใกล้เรือหลวงสุโขทัยแล้ว กำลังพลทั้งหมดสวมเสื้อชูชีพขึ้นมาดาดฟ้า ตอนแรกหวังจะส่งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ไปช่วยเอาน้ำออกจากเรือหลวงสุโขทัย โดยเป็นอุปกรณ์ใช้เครื่องยนต์ จะใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงไปช่วย แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงเห็นสภาพเรือแล้วไม่สามารถช่วยได้

ทางเรือหลวงกระบุรีพยายามจะช่วยลำเลียงกำลังพล แต่คลื่นแรงมากจนช่วยไม่ได้ แม้จะใช้เรือเล็กลำเลียง ก็ยังทำไม่ได้ ซึ่งมาตรการช่วยชีวิต กำลังพลทุกนายมีเสื้อชูชีพประจำตัว เรือรบมีแพชูชีพอัตโนมัติที่ตัวเรือ สามารถปลดด้วยระบบ เมื่อเรือจมไปในน้ำ จะกางออกทันที แพนี้จะบรรจุได้ 15 คน ในเรือมี 6 แพ เพียงพอต่อกำลังพล

ทั้งนี้ ยังมีแพชูชีพของเรือหลวงกระบุรีที่เอาออกไปช่วย และยังมีแพชูชีพจากเครื่องบินลาดตระเวนอีกด้วย เป็นมาตรการที่ต้องสละเรือใหญ่ แต่จากรายงานของกองทัพเรือแจ้งว่า เรือเอียงคงที่ และคาดว่าทางเรือไม่คิดเคลื่อนย้ายกำลังพล เพราะหวังว่าจะลากกลับเข้าฝั่งได้ เนื่องจากตอนนั้นเรือคงที่แล้ว ไม่เอียงไปมากกว่านี้

เรือหลวงกระบุรีพยายามเข้าช่วย

ทางกองทัพเรือจึงสั่งการให้เรือหลวงกระบุรีคอยช่วยเหลือไว้ ขณะนั้นเรือเอียงมากขึ้น และเริ่มจมลง จมจากด้านท้ายลงไป จนหัวเรือตั้งขึ้นมา ช่วงนั้นทำให้เกิดความชุลมุน กำลังพลบางส่วนกดแพชูชีพ ให้กับกำลังพลที่ไม่มีเสื้อชูชีพขึ้นไปบนแพ กำลังพลบางส่วนที่ถูกคลื่นซัดเมื่อเรือจม จึงพยายามว่ายน้ำไปช่วยเรือหลวงกระบุรี มีทั้งการส่งเชือกบันไดลิงข้างกราบเรือ และมีเรือเล็กลงน้ำแม้คลื่นลมแรง แต่ไม่มีทางเลือก เพราะต้องไปช่วย สามารถช่วยกำลังพลส่วนใหญ่ขึ้นมาได้ พร้อมช่วยกำลังพลบางส่วนที่ลอยออกไป เรือสินค้าช่วยได้เกือบ 20 คน

ช่วงเวลานั้น ช่วยได้ 75 คน ยังสูญหายอีก 30 คน ช่วงนั้นเรือกระบุรีพยายามนำเรือค้นหา แต่ไม่พบใครเพิ่มเติม บนเรือตอนนั้น มีผู้บาดเจ็บทั้งเลือดออกที่ศีรษะในปริมาณมาก เจ็บสาหัส เพราะเลือดไหลไม่หยุด มีกำลังพลแขนหัก ขาหัก จึงขออนุญาตเดินทางกลับ เพื่อส่งกำลังพลที่สาหัสไปรักษา

ตอนนั้นมีเรือจากท่าเรือบางสะพาน และเรือสินค้า เรือน้ำมัน รวม 4 ลำ อยู่ในจุดเกิดเหตุ คาดว่าจะช่วยผู้สูญหายได้ ทางเรือหลวงกระบุรีจึงส่งกำลังพลที่บาดเจ็บไปขึ้นท่าบางสะพาน ก่อนกลับเข้าพื้นที่ ช่วงเวลาเดียวกับเรือหลวงอ่างทองมาถึงจุดเกิดเหตุตอน 6 โมงเช้า เพื่อค้นหาผู้สูญหายต่อ การค้นหานั้นเป็นไปตามขั้นตอน

ขอชี้แจงว่า กองทัพเรือจะต้องมีการรายงานเหตุการณ์ตามระเบียบ เป็นเหตุการณ์ด่วน รายงานตามลำดับชั้นไปยัน รมว.กลาโหม จะมีการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะมีระเบียบป้องกันอุบัติเหตุความเสียหาย จะต้องมีการรายงานผลสอบสวนข้อเท็จจริง รายงานความสูญเสีย ทั้งเรื่องกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เพื่อให้ประชาชนรับทราบ และจะต้องมีการรายงานยันกระทรวงการคลังและนายกรัฐมนตรีให้รับทราบ

สำหรับการกู้เรือบริเวณที่เรือจมลึก 40 เมตร ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ คือกองเรือทุ่นระเบิด ที่มีอุปกรณ์สำรวจใต้น้ำ เพื่อดูว่าเรือหลวงสุโขทัยจมมีสภาพเป็นอย่างไร มีลักษณะคว่ำ เอียง หรือหงาย เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพิจารณาในการประชุมเจ้าหน้าที่เทคนิคและผู้เชี่ยวชาญในการกู้เรือ ส่วนวิธีการจะเป็นอย่างไรคณะกรรมการจะพิจารณาอีกครั้ง

เครดิตภาพ : กองทัพเรือ Royal Thai Navy

ยันพร้อมสอบสวน-รายงานข้อเท็จจริงทั้งหมด

สำหรับสาเหตุเรือจมและเสื้อชูชีพไม่พอนั้น จะต้องถูกสอบสวนและรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมด ขอให้พี่น้องประชาชนรับทราบว่า เรามีกฎหมาย มีแนวทางปฏิบัติในการสอบสวนข้อเท็จจริงในทุก ๆ เรื่อง ขอเปรียบเสมือนว่า หากเครื่องบินของเหล่าทัพไหนตก ก็จะต้องมีการตรวจสอบสาเหตุทั้งหมด และมีการรายงานข้อเท็จจริงของการสูญเสียเครื่องบินดังกล่าว

“ผมจะชี้แจงตัวเลขที่สำคัญให้ดูว่า มี 30 คนที่ไม่มีเสื้อชูชีพ… มี 18 คนได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาแล้ว มี 12 คนที่ยังอยู่ในทะเล ในขณะเดียวกัน กำลังพลของเรือที่บอกว่า มีเสื้อชูชีพครบทุกคน ยังมีอีก 18 คนที่ยังอยู่ในทะเล”

“เพราะฉะนั้นการมีเสื้อชูชีพไม่ได้หมายความว่า ทุกคนสามารถจะ พูดง่าย ๆ รอดชีวิต แล้วได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาบนเรือ… เขามีการกำหนดว่าใครจะขึ้นแพชูชีพก่อน ก็คือผู้ไม่มีเสื้อชูชีพต้องขึ้นแพชูชีพก่อน เป็นมาตรการที่ทางเรือกำหนดขึ้นมาในช่วงของเตรียมการในการสละเรือใหญ่”

ฉะนั้นอย่ามองว่า คนไม่มีเสื้อชูชีพ ทั้ง 30 คน จะสูญเสียทั้งหมด เพราะตัวเลขแสดงให้เห็นแล้วว่า 18 คนที่ไม่มีเสื้อชูชีพขึ้นมากับ 75 คนแรกยังเหลือในทะเล 12 คน แล้ว 18 คนที่มีเสื้อชูชีพเองยังอยู่ในทะเลอยู่” พล.ร.อ.เชิงชายกล่าวและว่า

กองทัพเรือไม่ปกปิดข้อเท็จจริง จะสืบสวนให้ทุกคนทราบ โดยเฉพาะญาติพี่น้องกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ที่สูญเสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว นี่คือสิ่งที่กองทัพเรือจะดำเนินการต่อไป ตอนนี้มีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อให้พี่น้องผู้สูญหายได้สอบถาม เฝ้าติดตามสถานการณ์ จะมีการดูแลกำลังพลอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ยังได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น เพื่อดูแลกำลังพลทั้งมีและไม่มีชีวิต เป็นไปตามระเบียบขั้นตอน คนเจ็บส่งดูแลไปยังโรงพยาบาล ถ้าเสียชีวิตก็จะพิสูจน์อัตลักษณ์ ส่งกลับให้ญาติพี่น้องต่อไป ขอยืนยันว่ากองทัพเรือจะทำทุกอย่างเต็มความสามารถ เพื่อดูแลกำลังพลที่รับตัวและยังค้นหาอยู่

พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ กล่าวต่อว่า การดูแลค้นหาช่วยเหลือผู้ประสบภัย เริ่มดำเนินการตั้งแต่ก่อนเรือจมแล้ว เมื่ออับปางลงไป ก็ส่งกำลังช่วยอย่างเต็มที่ ต้องยอมรับว่าคืนเกิดเหตุนั้น คลื่นลมแรงจริง ๆ กำลังที่ส่งไป ยากจะเข้าไปช่วยได้ จนต้องมีการสละเรือ ว่ายน้ำ เรืออื่น ๆ พยายามช่วยอย่างเต็มที่ เช้าวันนั้นช่วยไป 74 นาย พอวันที่ 19 ธ.ค. สภาพทะเลยังไม่ดีขึ้น คลื่นสูง 4 เมตร ไม่มีเรือเล็กออกนอกฝั่ง มีเรือหลวงอ่างทอง กับเรือหลวงกระบุรีไปช่วยเหลือ พร้อมเรือลำอื่นๆ ได้มีการจัดทำตารางค้นหา เริ่มจากจุดเริ่มจบ ตีตารางจากโปรแกรมคำนวณจากทิศทางกระแสน้ำและกระแสลม ก่อนเริ่มค้นหา ตลอดเวลาตั้งแต่เรือจบ

ห้วงเวลาทองที่ช่วยได้จริง ๆ คือช่วงกลางวัน เพราะใช้อากาศยานร่วมค้นหา และขอการสนับสนุนจากกองทัพอากาศด้วย แต่เพราะวันที่ 19 ธ.ค. คลื่นลมแรงมาก แต่โชคดีเจอกำลังพล 1 นาย ตรวจพบห่างจากจุดเรือจม 5-7 ไมล์ จึงได้นำเรือไปรับตัว โดยการค้นพบผู้ประสบภัยนั้น มาจากอากาศยาน แล้วแจ้งจุดให้เรือเข้าช่วยเหลือ

พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 5 ราย เร่งค้นหาอีก 25 ราย

ผบ.ทร. และเสนาธิการ กองทัพเรือ แถลงข่าวเรือหลวงสุโขทัยอับปาง

พล.ร.อ.ชลธิศกล่าวว่า ตอนนี้เราค้นหาพบแล้ว 81 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิต 5 ราย อยู่ระหว่างการนำส่งและพิสูจน์ทราบ ยังไม่พบอยู่ในน้ำอีก 24 ราย

หลังจากนี้จะมีการค้นหากำลังพลตลอดไป เคสล่าสุดที่พบ ห่างจากจุดเกิดเหตุ 41 ชั่วโมง และยังรอดชีวิต ก็จะใช้ทุกนาทีค้นหาต่อไป ทั้งกลางวันและกลางคืน จะยังเป็นการค้นหาผู้ประสบภัยอยู่ โดยที่พบล่าสุด 6 คน และรอดชีวิต 2 รายนั้น ห่างจากจุดจม 61 กิโลเมตรทางตอนใต้ จะได้เน้นสำรวจตอนใต้ ทุกคนสวมเสื้อชูชีพหมด

ส่วนแผนกู้เรือนั้น จะมีการพิจารณาต่อไป ซึ่งจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ โดยจะใช้กองเรือทุ่นระเบิดสำรวจเป้าใต้น้ำ พื้นท้องทะเล ว่าเรือหลวงสุโขทัยอยู่ในสภาพใด เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการประชุม และให้หน่วยงานอื่น ๆ มาวางแผน มีการดำเนินคู่ขนาน ตั้งแต่เรือจมแล้ว หากคลื่นลมสงบก็จะไปสำรวจ พบอยู่ลึกไป 40 เมตร

ตอนนี้ใช้เรือ 4 ลำลาดตระเวน และใช้เครื่องบินช่วยค้นหาด้วย จนกว่าจะพบกำลังพลที่เหลืออยู่อีก 24 คน โดยยังมีกองทัพเรือจากมิตรประเทศ อเมริกา อังกฤษ มาเลเซีย และจากเอกชนยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ก็หากมีอะไรต้องร้องขอก็จะแจ้งต่อไป

ตอนนี้จะยังเป็นการค้นหาผู้ประสบภัยอยู่ ยังมั่นใจว่าน่าจะมีความหวัง เคยมีกรณีการตกน้ำของชาวประมง 60 ชั่วโมง ก็ยังพบรอดชีวิต ตอนนี้ทิศทางกระแสน้ำเข้าฝั่ง หากโชคช่วยจะเร่งค้นหาต่อไป

สำหรับเรือหลวงสุโขทัยนั้น รับผิดชอบทะเลอ่าวไทยตอนบน มีฐานปฏิบัติการที่สัตหีบ เป็นเรือรบที่มีสมรรถภาพสูง เข้าประจำการปี 2527 มีขีดความสามารถรบได้ 3 มิติ ทั้งผิวน้ำ อากาศ และใต้น้ำ ตนเคยประจำการอยู่เรือหลวงรัตนโกสินทร์ ชั้นเดียวกับเรือหลวงสุโขทัย มีความเข้าใจช่วงที่รับราชการ ในชั้นยศนาวาโท

เรือหลวงสุโขทัยมีเกียรติประวัติมาอย่างต่อเนื่อง เคยเข้าร่วมภารกิจค้นหาลาดตระเวนการฝึก การรับราชการต่างประเทศ เคยแล่นไปออสเตรเลีย เคยปฏิบัติงานในสภาพคลื่นลมแรง ปัจจุบันมีอายุ 36 ปี ตามระเบียบกองทัพเรือ จะมีอายุราชการได้ถึง 40 ปี เรือหลวงสุโขทัยยังมีขีดความสามารถอุปกรณ์บนเรือทุกประเภท ใช้การได้ดีตามปกติ และมีขีดความสามารถสูง ทั้งนี้กองทัพเรือมีแนวคิดจะขยายการใช้งานไปถึง 5-10 ปีในอนาคต

ทั้งนี้ เรือหลวงสุโขทัยมีการซ่อมมา 2 ปี เตรียมไปปฏิบัติหน้าที่ในทะเลอันดามัน แต่การขุดลอกท่าเรืออันดามัน ไม่เป็นไปตามแผน จึงยังไม่ได้ส่งไป

พร้อมเยียวยาผู้ประสบภัยเต็มที่

ต่อข้อสอบถามการค้นหาผู้สูญหาย พลเรือเอกชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่าผู้ประสบภัยที่เรืออับปางที่เหลือจากเครื่องมือที่กองทัพเรือใช้ค้นหา จะอยู่ที่บริเวณ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ระยะทางประมาณ 10 ไมล์ ซึ่งเราจะเร่งดำเนินการค้นหาโดยเร็ว ซึ่งโชคดีช่วงนี้คลื่มลมเบาลง

พล.ร.อ.ชลธิศยังกล่าวถึงกรณีเสื้อชูชีพไม่เพียงพอ 30 นายนั้น พบว่าไม่ใช่กำลังพลประจำเรือ แต่มาจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินและศูนย์ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เดินทางไปกับเรือเพื่อร่วมภารกิจถวายพระเกียรติ 100 ปีกรมหลวงชุมพร ที่หาดทรายรี จังหวัดชุมพร จึงไม่มีเสื้อชูชีพให้

ในจำนวน 30 นายนี้ ช่วยเหลือได้ 18 นาย โดยอยู่ใน 75 นายแรกที่ช่วยได้ และยังหาไม่พบ 12 ราย ยืนยันว่า การช่วยเหลือเป็นไปตามมาตรการที่ทางเรือกำหนด มีการเกาะเป็นหมู่ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสภาพฉุกเฉิน และไม่คาดคิด

ส่วนแผนกู้เรือนั้น จะมีการพิจารณาต่อไป ซึ่งจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ โดยจะใช้กองเรือทุ่นระเบิดสำรวจเป้าใต้น้ำ พื้นท้องทะเล ว่าเรือหลวงสุโขทัยอยู่ในสภาพใด เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการประชุม และให้หน่วยงานอื่น ๆ มาวางแผน มีการดำเนินคู่ขนาน ตั้งแต่เรือจมแล้ว หากคลื่นลมสงบก็จะไปสำรวจ พบอยู่ลึกไป 40 เมตร

ต่อข้อถามเรื่องการเยียวยากำลังพลที่ประสบเหตุ เสนาธิการทหารเรือชี้แจงว่า กองทัพเรือจะดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ โดยรายชื่อของผู้สูญเสียมีหลายชั้นยศ ซึ่งจะได้รับการชดเชย การปูนบำเหน็จตามระเบียบของทางราชการ โดยภาพรวมเพื่อให้เข้าใจง่ายจะได้รับการเลื่อน 5 ชั้นยศ

“เช่นถ้ามีการสูญเสียในระดับนาวาตรีก็จะได้รับการเลื่อนชั้นยศเป็นระดับพลเรือโท ถ้าเป็นในระดับนายเรือก็จะได้รับการเลื่อนชั้นยศเป็นระดับนาวา และจะได้รับเงินชดเชยตามระเบียบของทางราชการประมาณ 1-2 ล้านบาท แล้วแต่สิทธิของแต่ละบุคคล ทั้งนี้กองทัพเรือจะให้การดูแลเรื่องสิทธิกำลังพลของผู้สูญเสียอย่างเต็มที่” พล.ร.อ.ชลธิศกล่าว

ทัพเรืออัพเดตล่าสุด พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 6 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำของวันนี้ กองทัพเรือแจ้งสรุปรายงานการตรวจพบผู้ประสบภัย จากเดิม 6 ราย เป็น 7 ราย โดยอีกรายพบว่าเป็นผู้เสียชีวิต จึงทำให้ขณะนี้พบผู้เสียชีวิตเป็นจำนวน 6 ราย รอดชีวิต 1 ราย ยังเหลือที่ยังไม่พบอีก 23 ราย

เปิด 30 รายชื่อผู้สูญหาย กำลังพล เรือหลวงสุโขทัย อับปางกลางทะเล