เทศกาลปีใหม่ 2566 รณรงค์ 7 วัน คุมประพฤติรวมกว่า 8,900 คดี

ขับรถ การขับรถ อุบัติเหตุ

กรมคุมประพฤติ เผยสถิติคุมประพฤติ ช่วงรณรงค์ลดอุบัติเหตุเทศกาลปีใหม่ 2566 รวม 7 วัน คุมประพฤติกว่า 8,900 คดี คุมประพฤติ “เมาแล้วขับ” สูงสุด ร้อยเอ็ดครองแชมป์คดีเมาสุราสูงสุด

วันที่ 5 มกราคม 2566 นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า วันสุดท้ายของการคุมเข้ม 7 วันอันตรายปีใหม่ 2566 (4 มกราคม 2566) สถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติมีจำนวนทั้งสิ้น 1,646 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 1,575 คดี คิดเป็นร้อยละ 95.69 คดีขับรถประมาท 6 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.36 และคดีขับเสพ 65 คดี คิดเป็นร้อยละ 3.95

ยอดสะสม 7 วัน (วันที่ 29 ธันวาคม 2565-4 มกราคม 2566) มีจำนวนทั้งสิ้น 8,923 คดี จำแนกเป็น

  • คดีขับรถขณะเมาสุรา 8,567 คดี คิดเป็นร้อยละ 96.01
  • คดีขับรถประมาท 21 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.24
  • คดีขับเสพ 335 คดี คิดเป็นร้อยละ 3.75

จังหวัดที่มีคดีขับรถในขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่

  1. ร้อยเอ็ด จำนวน 469 คดี
  2. สมุทรปราการ จำนวน 388 คดี
  3. นนทบุรี จำนวน 358 คดี

เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมทั้ง 7 วันที่เข้าสู่ระบบงานคุมประพฤติในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 มีจำนวน 7,868 คดี กับ ปี พ.ศ. 2566 จำนวน 8,567 คดี พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา มีจำนวนเพิ่มขึ้น 699 คดี คิดเป็นร้อยละ 8.88

สำหรับในช่วง 7 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ได้ร่วมสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการประชาชนตามสถานที่ต่าง ๆ โดยให้บริการประชาชนแจกน้ำดื่ม ผ้าเย็น เครื่องดื่ม อำนวยความสะดวกจราจร ที่จุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น รวมทั้งสิ้นจำนวน 731 จุด ผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย อาสาสมัครคุมประพฤติ เครือข่ายยุติธรรมชุมชน ผู้ถูกคุมความประพฤติ และประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 10,606 คน

อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวเพิ่มเติมว่ามาตรการคุมประพฤติที่มีต่อผู้กระทำผิดที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติในฐานความผิดขับรถขณะเมาสุราทุกราย จะต้องผ่านการคัดกรองแบบประเมินการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากพบว่ามีความเสี่ยงสูงในการติดสุรา จะส่งเข้ารับการบำบัดรักษา ณ สถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข

สำหรับผู้กระทำผิดที่มีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำหรือมีประวัติการกระทำผิดซ้ำ ต้องเข้ารับการแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้นในรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นระยะเวลา 3 วันต่อเนื่อง และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมความประพฤติ อาทิ รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ และทำงานบริการสังคม ที่ให้ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดจากการเมาแล้วขับ เช่น การดูแลเหยื่ออุบัติเหตุในโรงพยาบาล และเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียต่อตนเองและครอบครัว รวมถึงสร้างความปลอดภัยให้กับสังคมต่อไป