ชัชชาติ เสียใจ เหตุถังดับเพลิงระเบิด เร่งหาสาเหตุ – เยียวยาจิตใจ

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

ชัชชาติ ลงพื้นที่ โรงเรียนราชวินิตมัธยม เร่งหาสาเหตุระเบิด พร้อมแสดงความเสียใจ เตรียมเยียวยาด้านจิตใจ

วันที่ 22 มิถุนายน 2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่โรงเรียนราชวินิต มัธยม ภายหลังเกิดเหตุถังดับเพลิงระเบิด ว่า เบื้องต้นพบนักเรียนเสียชีวิต 1 ราย นักเรียนบาดเจ็บเล็กน้อย 21 ราย และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลกลาง 2 ราย

โรงพยาบาลวชิระ 5 ราย นอกนั้นบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับผู้สูญเสีย โดยเบื้องต้นเหตุเกิดจากทางโรงเรียนได้ประสานให้สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสนมาเป็นวิทยากรในการซ้อมเผชิญเหตุป้องกันอัคคีภัยในโรงเรียน

ซึ่งเป็นครั้งแรกของการฝึกซ้อมของโรงเรียนราชวินิต มัธยม และเป็นสิ่งที่ดีในการให้ความรู้กับนักเรียนและบุคลากร โดยแบ่งการอบรมเป็น 3 รอบเนื่องจากมีนักเรียนจำนวนมาก และใช้ถังดับเพลิง 14 ถังในการซ้อม โดยในรอบที่ 2 เกิดอุบัติเหตุขึ้นเนื่องจากอุปกรณ์ถังดับเพลิงที่วางอยู่ตรงบริเวณลานพระ ซึ่งห่างจากจุดที่เด็กนั่งอยู่ในประมาณ 10 เมตร เกิดระเบิดขึ้นแล้วถังที่ระเบิดพุ่งไปโดนนายขุมทอง เปรมมณี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา 6/7 จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เนื่องจากบาดเจ็บอย่างรุนแรง

นายชัชชาติ กล่าวว่า ถังดับเพลิงดังกล่าวเรียกว่าเป็นถังคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งมีความดันสูงก็คือ 800-1,200 PSI ขึ้นไป ซึ่งแตกต่างจากถังดับเพลิงเคมีปกติในชุมชนที่มีความดันเพียง 100 PSI แต่เวลาซ้อมดับเพลิงจะใช้ถังแบบคาร์บอนไดออกไซด์เพราะไม่ฟุ้งกระจายมาก ฉีดแล้วจะระเหยทันที ไม่ใช่เป็นสารเคมีที่ปกติฉีดแล้วเป็นควันขาวฟุ้งกระจายเต็มไปหมดซึ่งถังดังกล่าวต้องให้พนักงานสืบสวนตรวจสอบสาเหตุการระเบิดอีกที

เบื้องต้นถังที่นำมาใช้แล้วระเบิด ตำรวจแจ้งว่ามีอายุประมาณ 6 ปี ได้เติมคาร์บอนไดออกไซด์มาจากบริเวณพัฒนาการ และถังดังกล่าวไม่มีเกจวัดความดันเพราะว่าเป็นถังที่มีความเย็นมาก โดยใช้วัดตามน้ำหนักกิโลกรัมแทน ซึ่งตอนที่ไปเติมล่าสุดก็ไม่ถึงกับเต็มความจุ เนื่องจากต้องนำมาสาธิต ส่วนสาเหตุว่าทำไมถึงระเบิด ระเบิดรูปแบบไหนต้องรอการพิสูจน์หลักฐานอย่างชัดเจนก่อน ส่วนถังเป็นของใครจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ บางส่วนผู้ฝึกอบรมนำมาเองและบางส่วนเป็นของส่วนกลาง ซึ่งต้องขอไปตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง

ในส่วนของผู้ที่เสียชีวิต บาดเจ็บ และนักเรียนทั้งหมดก็คงต้องมีการเยียวยาตามระเบียบของทางราชการ รวมถึงต้องมีการเยียวยาทางด้านจิตใจสำหรับนักเรียนที่ประสบเหตุเนื่องจากเป็นภาพที่น่าตกใจ ซึ่งกทม.จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพจิตเข้ามาดูแลด้วย โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมี 2 จุดที่ต้องตรวจสอบ

คือ 1. มาตรฐานของอุปกรณ์เนื่องจากไม่ควรจะมีการระเบิดขึ้น 2. คือการจัดวางอุปกรณ์ก่อนฝึก ซึ่งจากการตรวจสอบก็เป็นพื้นที่จำกัด ซึ่งในอนาคตต้องให้อยู่ห่างกว่านี้หรือไม่ หรือว่าควรมีอุปกรณ์ มีคอกใส่ป้องกันไว้ให้เป็นระเบียบหรือไม่ ซึ่งกทม.ต้องนำไปทบทวน แต่เท่าที่ทราบมาในประวัติศาสตร์กทม.ไม่เคยระเบิด

นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่มีการระเบิดซึ่งต้องไปหาสาเหตุอย่างจริงจัง ประกอบกับขณะนี้เราก็มีการสั่งซื้อถังดับเพลิงแบบใหม่ที่จะแจกชุมชนอยู่แล้วประมาณเกือบหมื่นถังเพื่อแจกในชุมชน ซึ่งเป็นคนละแบบกับที่ระเบิด เป็นถังพิเศษและมีแรงดันต่ำ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้อยู่ในสถานที่ราชการ จึงไม่ต้องตื่นตระหนก โดยกทม.จะเพิ่มความเข้มข้นในการทบทวนตรวจสอบด้านความปลอดภัยของถังดับเพลิงต่อไป

ด้าน รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกส่วนหนึ่งที่ต้องมีการทบทวน คือ ขั้นตอนในการวางถังดับเพลิงว่าควรวางตรงไหน ตามหลักวิทยาศาสตร์อาจจะมีแรงดันเพิ่มขึ้นซึ่งอาจจะเกิดจากการตากแดด ซึ่งคงต้องไปตรวจสอบอีกให้ชัดเจนอีกครั้ง รวมถึงการเติมกับบริษัทเอกชนซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เติมเต็มความจุและเติมน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ก็เป็นบทเรียนสำคัญมากที่ต้องไปทบทวนกระบวนการ

นอกจากนี้ก็ต้องทบทวนเรื่องการฝึกอบรมการซ้อมดับเพลิงในโรงเรียน รวมถึงขั้นตอนในการระงับอัคคีภัยของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและสถานีดับเพลิงต่างๆ ว่าสารเคมีดังกล่าวที่ใช้มีความเสี่ยงหรือไม่ รวมถึงถังดับเพลิงต่าง ๆ ในชุมชน ซึ่งจะต้องมีการทบทวนอบรมป้องกันความเสี่ยงทั้งกระบวนการ รวมถึงมาตรฐานการดูแลถังดับเพลิงทั้งระบบ