
กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ททท. และรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แถลงข่าวเหตุยิงพารากอน แจงการเยียวยาผู้เสียชีวิต-ผู้บาดเจ็บ พร้อมแจงมาตรการรักษาความปลอดภัยระยะสั้น-กลาง-ยาว
มติชนรายงานว่า วันที่ 6 ตุลาคม 2566 เวลา 13:30 น. ศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์ กระทรวงการต่างประเทศ จัดแถลงข่าวความคืบหน้าเหตุกราดยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมาจนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 5 ราย
- สินมั่นคงฯ : คปภ.เกาะติดกระบวนการฟื้นฟูกิจการ-ส่งสัญญาณเตือน ปชช.
- ครม.เคาะแล้ว ซื้อสินค้าลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 5 หมื่นบาท เริ่ม 1 ม.ค. 67
- พระราชทานอภัยโทษ คดีทักษิณ ที่มาวาระอันเป็นมงคล วโรกาสสำคัญ
การแถลงข่าวได้พูดถึงในเรื่องการมอบเงินเยียวยาแก่เหยื่อผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเหตุการณ์ การเดินทางมาร่วมพิธีอภิธรรมศพของญาติผู้เสียชีวิตทั้งชาวจีนและชาวเมียนมา รวมถึงประเด็นเรื่องการแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยในอนาคต โดยมีนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และพล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) เข้าร่วมการแถลงข่าว
นายจักรพงษได้กล่าวเน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยห่วงใยและพร้อมแสดงความรับผิดชอบต่อผู้ได้รับผลกระทบทุกท่าน และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมดำเนินการในทุกด้าน ในส่วนของกระทรวงต่างประเทศได้ประสานกับสถานเอกอัครราชทูตของประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ทางปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้จัดประชุมออนไลน์กับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยในประเทศจีน เมียนมา และลาว เพื่อประสานข้อมูล การดำเนินงานเพิ่มเติมด้วย
นายจักรพงษ์กล่าวอีกว่า วานนี้ เอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ได้โทรศัพท์ไปยังแม่ของผู้เสียชีวิตชาวเมียนมาแล้ว ซึ่งจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในเวลา 19.00 น. ของวันนี้ (6 ต.ค.) พร้อมด้วยเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง
ขณะที่สถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต ยังได้ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวผู้บาดเจ็บชาวลาวเช่นกัน ซึ่งได้แสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีที่ทรงรับผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ด้วย และเมื่อเช้านี้ ศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์ได้เห็นพ้องต้องกันว่าจะยกระดับมาตรการความปลอดภัยและการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อไป
พันตำรวจเอกทวีและนางสาวสุดาวรรณได้กล่าวว่า ในส่วนการให้ความช่วยเหลือจะมีการมอบเงินเยียวยาให้แก่ผู้เสียชีวิตรายละ 6,200,000 บาท โดยแบ่งเป็นจากศูนย์การค้าสยามพารากอน ร่วมมอบเงินช่วยเหลือรายละ 5,000,000 ล้านบาท และจากทางภาครัฐอีก 1,200,000 บาท ขณะที่ผู้บาดเจ็บจะได้รับเงินเยียวยาหลังออกจากโรงพยาบาลคนละ 350,000 บาท แบ่งเป็นจากศูนย์การค้าสยามพารากอน 300,000 บาท และทางภาครัฐ 50,000 บาท ส่วนบริษัทกิฟฟารีนได้แสดงความประสงค์มอบเงินสมทบให้ภาครัฐนำไปดำเนินการเยียวยาอีก 1 ล้านบาท นอกจากนั้นแล้ว จะมีการให้ความช่วยเหลือทางด้านการแพทย์อีกด้วย
ส่วนในเรื่องพิธีศพ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเป็นเจ้าภาพในการสวดพระอภิธรรมศพผู้เสียชีวิตชาวเมียนมาในคืนวันที่ 7 ตุลาคม และกระทรวงยุติธรรมจะเดินทางไปร่วมในงานศพของเหยื่อชาวเมียนมาที่จะมีการฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม และขอให้ความมั่นใจว่านอกจากการเยียวยาแล้วเราจะดูเรื่องการดำเนินคดีตามหลักนิติธรรม
นางสาวสุดาวรรณให้ข้อมูลว่า ครอบครัวผู้เสียชีวิตชาวจีนได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว และทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจท่องเที่ยวได้อำนวยความสะดวกในการเดินทางเช่นเดียวกับแม่ของผู้เสียชีวิตชาวเมียนมาที่จะเดินทางถึงประเทศไทยในเวลา 19:00 น. ของวันนี้
ส่วนในความคืบหน้าอาการบาดเจ็บของเหยื่อ 5 รายในเหตุการณ์ดังกล่าว แบ่งเป็นชาวไทย 3 ราย โดย 1 รายกำลังติดตามอาการ ส่วนอีก 1 รายออกจากโรงพยาบาลแล้ว และอีก 1 อาการดีขึ้นตามลำดับ เช่นเดียวกับผู้บาดเจ็บชาวจีน 1 และชาวลาว 1 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตชาวจีนอาจมีการนำร่างกลับไปทำพิธีศพที่ประเทศจีน ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่ยืนยันในเรื่องนี้และต้องรอข้อมูลจากทางสถานเอกอัครราชทูตจีน
ด้านพลตำรวจตรีอภิชาติให้ข้อมูลในเรื่องของมาตรการรักษาความปลอดภัยที่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับมา ในมาตรการระยะสั้นคงจะเห็นแล้วว่าเรามีการขยายผลจากผู้ก่อเหตุว่าไปซื้อปืนจากใคร แหล่งดัดแปลงปืน จนนำไปสู่การจับกุมตัวไปแล้ว 3 คน และจะขยายผลต่อไป ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการว่าจะต้องมีการกวาดล้างการซื้อขายปืนออนไลน์ที่เป็นสิ่งเทียมหรือสิ่งที่ดัดแปลงมาเป็นอาวุธปืนจริงได้ให้หมดไป ซึ่งทางสำนักงานตำรวจไซเบอร์จะต้องมีการปราบปรามตรงนี้ให้หมด
นอกจากนั้นแล้วจะมีการปูพรมซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม โดยจะมีตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจพื้นที่ พร้อมด้วยอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวไปชี้แจงทำความเข้าใจกับเจ้าของห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งรวมตัวต่าง ๆ ให้มีความเข้มงวดทางด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้น
ส่วนในมาตรการระยะกลางจะต้องมีการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในห้างหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยนับตั้งแต่มีเหตุกราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบันได้สั่งให้มีการอบรมหลักสูตรวิธีการเอาตัวรอดจากเหตุกราดยิง โดยจะอบรมว่าตำรวจพื้นที่จะรักษาความปลอดภัยอย่างไรเมื่อเกิดเหตุ และอบรมประชาชนให้รู้วิธีว่าจะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ในลักษณะนี้อย่างไร ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ได้ติดต่อมาว่าเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนนี้จะมีหลักสูตรนี้เพิ่มขึ้น
ส่วนในมาตรการระยะยาว พลตำรวจตรีอภิชาติกล่าวว่า เราจะต้องมีการแก้กฎหมายในอนาคตซึ่งตนก็ยอมรับว่ากฎหมายบางฉบับโดยเฉพาะกฎหมายอาวุธปืนมีความล้าสมัยอยู่บ้าง
“เพราะฉะนั้นเราก็จะมีการผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายให้ครอบคลุมกับอาวุธปืน สิ่งเทียม หรือสิ่งใดที่สามารถดัดแปลงมาเป็นอาวุธได้ และต้องมีการประสานงานกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการกวาดล้างสิ่งของใดก็ตามที่สามารถซื้อได้ผ่านทางออนไลน์และดัดแปลงมาเป็นอาวุธได้ ก็อยากให้สื่อมวลชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติวางใจว่าเราจะทำให้ดีขึ้น”
นอกจากนั้น พลตำรวจตรีอภิชาติระบุว่า จะมีโครงการสร้างศูนย์ควบคุมการสั่งการที่จะดูแลนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ตำรวจท่องเที่ยวทุกคนจะมีกล้องซึ่งจะสามารถยิงภาพจากสถานที่ท่องเที่ยวไปยังศูนย์ควบคุมดังกล่าว ทำให้สามารถดูแลความเคลื่อนไหวของสถานที่ท่องเที่ยวได้ตลอดเวลา และกลางปีหน้าจะมีการเปิดตัวแอปพลิเคชั่นที่จะสามารถส่งข้อความไปหานักท่องเที่ยวทุกคนได้ และมีศูนย์ 1155 ที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะสามารถโทรศัพท์เข้ามาขอความช่วยเหลือได้โดยจะมีคนแปลภาษา 5 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ รัสเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น จีน