
เช็กเงื่อนไข-หลักเกณฑ์-คุณสมบัติ ผู้ได้รับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 2 ระบุต้องเป็นกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มเปราะบาง จำนวน 4 ล้านคน ไม่ซ้ำกับกลุ่มแรกที่ได้เงินไปแล้ว แจกเป็นเงินสด ใช้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท รับเงินช่วงตรุษจีน 2568
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานความคืบหน้าล่าสุด ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ 1/2567 ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 หลังมีมติเห็นชอบมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวม 4 ล้านคน ใช้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท
เงิน 10,000 บาท เฟส 2 ใครได้บ้าง
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเติมเงิน 10,000 บาท เฟส 2 เราดูกลุ่มคนที่เราคิดว่ามีความจำเป็น คือกลุ่มที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีจำนวน 3-4 ล้านคน สามารถทำได้ทันที
สำหรับกลุ่มคนที่เหลือจะดูความพร้อมของระบบ ซึ่งประมาณเดือนเมษายน-มิถุนายนปีหน้าจะเป็นช่วงที่จะมีการทบทวน และดูว่าจะมีการทำต่อไปหรือไม่ คณะกรรมการจึงมอบกระทรวงการคลังไปดำเนินการเติมเงิน 10,000 บาทให้กับผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป
รับเงิน 10,000 บาท เมื่อไหร่
ทางด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเสริมว่า ไม่เกินช่วงตรุษจีน ปี 2568 สามารถเติมเงินสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ได้ โดยเป็นผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเปราะบางเช่นกัน ไม่ใช่ว่าผู้สูงอายุทุกคนจะได้ แต่ต้องเป็นผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ มีการตรวจสอบสิทธิครบถ้วน และไม่ใช่กลุ่มที่ได้เงิน 10,000 บาทในเฟสแรกไปแล้ว
เป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่ค่อนข้างลำบาก เพราะมีรายได้ไม่เกิน 7 หมื่น และมีเงินในบัญชีธนาคารไม่เกิน 5 แสนบาทตามที่กำหนดไว้ จึงอยู่ในกลุ่มที่เหมาะสม โดยโอนเงินสดเหมือนเดิม เรากำหนดกรอบวงเงินไว้ 4 ล้านราย ใช้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ที่ไม่ใช่กลุ่ม 60 ปีนั้น เราต้องการความมั่นคงปลอดภัยของระบบ อาจมีการทำ Sandbox เพื่อตรวจสอบระบบให้มั่นใจ และดูกรอบเวลาคือไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า
สำหรับการลงทะเบียนกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนนั้น รมช.คลังยอมรับว่ารัฐบาลจะเปิดให้คนกลุ่มนี้เข้ามาลงทะเบียนร่วมโครงการได้ในเร็ว ๆ นี้
คุณสมบัติผู้ได้รับเงิน 10,000 บาท เฟส 2
- กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป (เป็นกลุ่มเปราะบาง) ต้องเป็นผู้ที่ “ลงทะเบียนแอปทางรัฐ” เท่านั้น
- คนไม่ลงทะเบียน Super App ทางรัฐหมดสิทธิทันที
- ตัดสิทธิคนที่ได้รับเงินเฟสแรกไปแล้ว
- ไม่มีรายได้เกิน 840,000 บาท/ปี
- ไม่มีเงินฝากทุกบัญชีเกิน 5 แสนบาท
- ไม่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
- ไม่เป็นผู้ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการโครงการอื่น ๆ ของรัฐ
- ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
- จ่ายเงินก่อนตรุษจีน 2568 (ก่อน 29 มกราคม 2568) ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน

เห็นชอบพักดอกเบี้ย 3 ปี
รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวอีกว่า เรื่องต่อมาคุยถึงหลักการเรื่องการแก้หนี้ครัวเรือน หนี้ SMEs เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องผลักดันให้ได้ก่อนสิ่งอื่น โดยกระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ โดยกระทรวงการคลังจะสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ในกลุ่มครัวเรือนที่มีปัญหาหนี้ไม่เกิน 1 ปี เป็นกลุ่มที่น่าจะขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้ อยู่ในช่วงฟื้นตัว ถ้าหากปรับโครงสร้างหนี้แล้วจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
กลุ่มคนเหล่านี้จะกำหนดให้เหมาะสม เช่น กลุ่มบ้าน กลุ่มรถ และกลุ่มค่าใช้จ่ายเรื่องหนี้ค่าบริโภค รวม ๆ เป็นหนี้รวมประมาณ 1.2-1.3 ล้านล้านบาท โดยการลดภาระ คือจะให้โอกาสยังไม่ต้องชำระดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี เมื่อมีการพักชำระดอกเบี้ย 3 ปี ทำให้สามารถนำเงินไปบริโภคได้มากขึ้น หรือใช้ลงทุนมากขึ้น
“จะดูเรื่องเงินต้นด้วย ใน 3 ปีแรกให้ผ่อนน้อยหน่อย แต่สำหรับคำว่าพักดอกเบี้ย ที่พัก 3 ปี สำหรับคนที่ปฏิบัติได้ดี ระยะยาวผ่อน 5-10 ปีก็จะได้ลดดอกเบี้ยไปเลย แต่ถ้าปฏิบัติไม่ดีในหลักการก็ต้องรับภาระดอกเบี้ยต่อไป สิ่งนี้เป็นหลักการที่รับทราบในคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เราให้ทำ” นายพิชัยกล่าว