
ตำรวจแถลงการจับกุม หมอบุญและพวก รวม 9 คน หลังศาลอนุมัติหมายจับคดีฉ้อโกง จับกุมแล้ว 6 ราย ขณะที่ หมอบุญ-เมีย-ลูก ยังจับไม่ได้ ประสานออกหมายแดงให้ กต. แล้ว
มติชน รายงานว่า พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้แถลงข่าวกรณีศาลอนุมัติหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน กับพวก รวม 9 คน คดี ‘ฉ้อโกงประชาชน-สมคบฯฟอกเงิน-พ.ร.บ.เช็ค’ ความเสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า ที่มาของคดีนี้เนื่องจาก ในห้วงวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์ 2566 นายแพทย์บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารสาธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ 5 โครงการ ได้แก่
1. โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบลงทุน 4,000 ล้านบาท (ทันสมัยที่สุดในเอเชีย)
2. โครงการเวสเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 5 ไร่เศษ งบลงทุนประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท (อาคารที่พักสูง 52 ชั้น รองรับผู้สูงวัย 400 ห้อง)
3. โครงการสร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว จำนวน 3 แห่ง (ในเวียงจันทร์ 2 แห่ง, จำปาสัก 1 แห่ง)
4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม โดยใช้งบลงทุน ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท
5. โครงการสร้างเมดิคอล อินเทลลิเจน (Medical Intelligence) ซึ่งทำหน้าที่ด้านไอที ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท
โดยหากมีการร่วมลงทุน ในปี 66 อ้างว่าจะได้กำไร 700 ล้านบาท และในปี 67 อ้างว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาท
ห้วงดังกล่าว 2-4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ออกสื่อทั้งลงเว็บไซต์ ให้สัมภาษณ์สำนักพิมพ์ใหญ่ ๆ และ บอกกล่าวครอบครัว พนักงาน โบรกเกอร์ อ้างว่า มีบริษัทจดทะเบียนถูกต้องในตลาดหลักทรัพย์ และให้ค่าตอบแทนสูงกว่าสถาบันการเงิน ทำให้ประชาชนหลงเชื่อ
สัญญาดังกล่าว เป็นการทำสัญญากู้ยืมเงิน ให้ดอกเบี้ยผู้มาลงทุน และมีการจ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระเบี้ยเงินกู้ รวมทั้งจ่ายเช็คเป็นค่าดอกเบี้ย โดยหมอบุญ เป็นคนลงชื่อ และมีภรรยาและลูก เป็นผู้ค้ำประกันเซ็นหลังเช็ค ยืนยันว่า หากถูกฟ้อง เมียและลูกจะเป็นลูกหนี้ด้วย ในส่วนนี้ ในช่วงแรกมีการชำระดอกเบี้ยให้บางส่วน บางคน แต่ถัดมาไม่จ่ายเลย เงินต้นก็ไม่คืน เช็ค เมื่อถึงเวลา ผู้เสียหายเอาไปขึ้น ธนาคารปฏิเสธจ่ายเงิน
ทั้งนี้ เมื่อ 29 กันยายนที่ผ่านมา ปรากฏว่า หมอบุญ เดินทางไปต่างประเทศ 14.25 น. เดินทางไปฮ่องกง พฤติการณ์เข้าข่ายหลบหนี จากการตรวจสอบ โครงการทั้งหมดไม่มีอยู่จริง และเมื่อทวงเงิน ดอกเบี้ย ก็ปรากฏถูกเบียดบังทรัพย์สินไปทั้งหมด พฤติกรรมดังกล่าว สน.ห้วยขวาง จึงทำหนังสือมายัง บช.น. และมองว่า พฤติการณ์เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน จึงได้ตั้งคณะพนักงานสอบสวนมาสืบเรื่องนี้ตั้งแต่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ผลพวงดังกล่าว ทำให้ทราบว่า ตัวหมอบุญเป็นตัวการในการออกโครงการ ในการคิดเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน ร่างสัญญา ลงมือจ่ายเช็คทั้งหมด และได้รับประโยชน์ไป ส่วนภรรยากับลูก เป็นผู้ร่วมในการค้ำประกัน เลขา 2 คน ลงนามเป็นพยาน เชื่อว่าได้รับผลประโยชน์ กลุ่มที่ 3 คือ โบรกเกอร์ เป็นการนำเสนอชักชวนการลงทุน ได้เปอร์เซนต์จากการมาลงทุน
พนักงานสอบสวนได้นำเสนอศาลอาญา เพื่อขออนุมัติหมายจับ ในส่วนของหมอบุญเอง ได้ดำเนินการในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
ผู้ต้องหาอื่นๆ ได้ดำเนินการในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับ และจับได้เมื่อวาน 6 ราย ส่วนอีก 3 ราย คือ หมอบุญ พบว่าอยู่ต่างประเทศ ขณะที่ ภรรยา และ ลูก กำลังติดตามอย่างเร่งด่วน
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวต่อว่า ในทางคดี ได้ยึดโมเดลต่างๆ ที่เป็นโครงการ พบว่าไม่มีอยู่จริง และ สัญญากู้ยืมเงิน สัญญาเช็ค และ ทรัพย์สิน ที่กำลังตรวจสอบว่า โฉนดที่ยึดมา มีการยักย้ายถ่ายเท รถยนต์หมอบุญ 19 คัน ทั้งบ้านพัก ที่ตรวจค้น ไม่อยู่สักคัน ที่ดิน 21 แปลง อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าได้มาหลังปี 2566 หรือไม่ ตั้งแต่มีการโฆษณาเรื่องนี้ ในทางคดี เป็นคดียุ่งยากซับซ้อน และผู้เสียหายจำนวนมาก เข้าเงื่อนไขอำนาจของ กองบัญชาการสอบสวนกลาง และ ดีเอสไอ พนักงานสอบสวน บช.น. จะรวบรวมหลักฐาน และยื่นให้พิจารณาส่วนที่เกี่ยวข้องตามระเบียบต่อไป
รอง ผบช.น. กล่าวอีกว่า ระหว่างนี้ ได้ออกหมายแดงไปทางกระทรวงต่างประเทศ และ กองการต่างประเทศ (ตท.) เพื่อดำเนินการจับกุม เบื้องต้นพบว่า นายแพทย์บุญ เดินทางจากฮ่องกงไปจีน ส่วนข้อหาฟอกเงิน อยู่ระหว่างการขยายผลสอบสวน
สำหรับผู้ถูกออกหมายจับทั้ง 9 ราย มีดังนี้
1. นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
2. น.ส.จิดาภา อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว นายแพทย์บุญ ผู้จัดการเรื่องการเงิน และการบัญชีสัญญากู้เงินทั้งหมด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5646/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
3. น.ส.ศิวิมล อายุ 38 ปี ผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสารสัญญา และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา อาทิ การจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เป็นผู้จ่ายเช็ค พร้อมทั้งติดต่อตัวแทนต่างๆ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5647/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
4.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ เป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค เป็นผู้ถือหุ้น THG ซึ่งนำมาค้ำประกันในสัญญากู้ต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5648/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
5. น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และนางจารุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ และ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5649/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
6. นางอัจจิมา อายุ 49 ปี เจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน และมอบหมายให้คนนำสัญญากู้ยืม ทำสัญญาค้ำประกัน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5650/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
7. นายภาคย์ อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน ผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5651/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
8. นางภัทรานิษฐ์ อายุ 55 ปี นายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน หนังสือส่งมอบเช็ค สัญญาซื้อและขายหุ้นคืนและหนังสือชำระหนี้ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5652/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
9. นายธนภูมิ อายุ 36 ปี ตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน และเป็นผู้นำสัญญามามอบให้ผู้เสียหาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5653/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน