พยากรณ์อากาศ 7 วัน กรมอุตุฯเตือน อุณหภูมิลดฮวบ 4-8 องศา กทม. 19 องศา

อากาศหนาวเย็น
ภาพ : ORAPIN WACHANGNGOEN

กรมอุตุฯพยากรณ์อากาศ 7 วันล่วงหน้า เตือนจะเกิดฝนในระยะแรก หลังจากนั้นในช่วง 13-17 ธ.ค. ภาคอีสานอุณหภูมิจะลดลง 4-8 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ภาคอีสานเย็นสุด 13-14 องศา ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวม กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศา กทม.สัมผัสอากาศเย็นสุด 19-20 องศา ขณะที่ภาคใต้ยังมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า (13 ธ.ค. 67) ว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้แล้ว

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเกิดขึ้นได้ในระยะแรก หลังจากนั้นอากาศจะเย็นลง กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ส่วนยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ยอดภูมีอากาศหนาว ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงสู่ทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ กับมีฝนตกหนักมากบางแห่ง

ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

ADVERTISMENT

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง ส่วนประชาชนบริเวณภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

ส่วนฝุ่นละอองในระยะนี้ ประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มของการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันลดลง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังแรงขึ้น และมีการระบายอากาศที่ดี

ADVERTISMENT

พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 13-17 ธ.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง กับมีลมแรง

โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 4-8 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อุณหภูมิจะลดลง 2 -5 องศาเซลเซียส

พื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นเป็นกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับจะมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างเคลื่อนผ่านอ่าวไทยตอนล่างและภาคใต้ตอนล่างในช่วงวันที่ 13-15 ธ.ค. 67 ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

หลังจากนั้นวันที่ 18-19 ธ.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลจีนใต้ มีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส โดยมีอากาศเย็นและมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ยังคงมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

คาดการณ์ฝนสะสมวันที่ 14 ธันวาคม 2567

ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 13-16 ธ.ค. 67 ขอให้ประชาชนในภาคใต้ โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม

สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกให้ระมัดระวังคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 14-19 ธ.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นลง รวมถึงให้ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากอากาศแห้ง และลมแรง

คาดหมายอากาศรายภาค
วันที่ 13-19 ธ.ค. 2567

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 13-17 ธ.ค. 67 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งในช่วงวันที่ 13-15 ธ.ค. 67 ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ส่วนในวันที่ 18-19 ธ.ค. 67 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 13-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 14-17 ธ.ค. 67 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 5-7 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ส่วนในวันที่ 18-19 ธ.ค. 67 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 13-17 ธ.ค. 67 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส โดยมีฝนร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ในช่วงวันที่ 13-14 ธ.ค. 67 อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ส่วนในวันที่ 18-19 ธ.ค. 67 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 13-17 ธ.ค. 67 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส โดยมีฝนร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ในช่วงวันที่ 13-14 ธ.ค. 67 อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร

ส่วนในวันที่ 18-19 ธ.ค. 67 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 13-17 ธ.ค. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในช่วงวันที่ 13-16 ธ.ค. 67 โดยทางตอนบนของภาคจะมีอากาศเย็น และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-29 องศาเซลเซียส

ส่วนในวันที่ 18-19 ธ.ค. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช ขึ้นไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ตั้งแต่จังหวัดสงขลา ลงมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 13-17 ธ.ค. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง

ตั้งแต่จังหวัดพังงา ขึ้นไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ต ลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในวันที่ 18-19 ธ.ค. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่าง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส

กรุงเทพฯและปริมณฑล

ในช่วงวันที่ 13-17 ธ.ค. 67 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส โดยมีฝนร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 13-14 ธ.ค. 67 อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ส่วนในวันที่ 18-19 ธ.ค. 67 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

(ออกประกาศ 13 ธันวาคม 2567 12.00 น.)