10 หลักเกณฑ์กำหนดค่าเสียหาย คดี ‘ฟ้องชู้’ จ่ายมาก-น้อยดูจากอะไร ?

หลักเกณฑ์ ฟ้องชู้

ทนายเอกสิทธิ์ เผย 10 หลักเกณฑ์ในการกำหนดค่าทดแทนในคดีฟ้องชู้ จ่ายมาก-จ่ายน้อยดูจากอะไร จากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และประสบการณ์การทำงาน

เป็นมหากาพย์ที่ติดตามกันต่อยาว ๆ สำหรับกรณีนักร้องดังประกาศผ่านคอนเสิร์ต Wednesday Song เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านว่า มีการถูกคุกคามจากแฟนคลับที่ถูกนิยามว่าเป็น ‘ซาแซง’ ทำให้โลกออนไลน์มีการขุดคุ้ยเรื่องนี้อย่างไม่หยุดหย่อน

ต่อมาไม่นานก็เกิดการคดีพลิกว่า แฟนคลับสาวคนนั้นเป็นชู้กับหนุ่มแสตมป์ อภิวัชร์ โดยหลักฐานนั้นมาจากสามีของสาวคู่กรณีกับแสตมป์ได้ปาหลักฐานยืนยันว่า คดีที่เกิดการฟ้องร้องกันนั้นมีเพียงคดีหมิ่นประมาท และคดีฟ้องชู้เท่านั้น ไม่มีคดีคุกคามแต่อย่างใด และได้ทำสัญญาการจ่ายเงิน 1 ล้านบาท

ซึ่งในเนื้อความที่น่าสนใจคือ “การฟ้องชู้” รวมอยู่ด้วย จนกระทั่งเมื่อเช้าวันนี้แสตมป์ได้ออกมาชี้แจงยอมรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกิดจากการสื่อสารไม่ครบทุกประเด็น ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งกับตัวบุคคลและวงดนตรีต่าง ๆ มากมาย โดยต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงนั้นเกิดมาจาก การนอกใจภรรยาของตัวเอง

สำหรับกรณีนี้ แท้จริงแล้ว หากภรรยาของแสตมป์นั้นสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้ โดยทนายเอกสิทธิ์ ศรีสังข์ สำนักงาน พิศิษฐ์ ศรีสังข์ ให้ความรู้เรื่องค่าทดแทนในคดีฟ้องชู้ ไว้ใน บทความกฎหมายแพ่งและวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่า

กฎหมายกำหนดหลักเกณฑ์ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์แห่งคดี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1523 ประกอบ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1525 จากตัวอย่างคำพิพากษาของศาลฎีกา และประสบการณ์ทำงานของผมนั้น สามารถสรุปหลักเกณฑ์โดยสังเขป ที่ศาลนำมาใช้วินิจฉัยกำหนดค่าทดแทนในคดีฟ้องชู้ได้ ดังนี้

ADVERTISMENT

ฐานะ อาชีพ และการศึกษา

ในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาเกี่ยวกับการกำหนดค่าทดแทนในคดีฟ้องชู้ เรื่องฐานะทางสังคมของคู่ความทุกฝ่าย จะเป็นหนึ่งเรื่องที่ศาลหยิบยกมาประกอบการกำหนดค่าทดแทนแทบทุกคดี การวินิจฉัยของศาลนั้นจะพิจารณาถึงฐานะทางสังคมของคู่ความทุกฝ่าย ทั้งตัวสามี ภรรยา และตัวชู้

คู่สมรส และตัวชู้ที่มีฐานะทางสังคมสูง ก็มีโอกาสที่ศาลจะกำหนดค่าทดแทนในคดีนั้นสูงตามขึ้นไปด้วย โดยมีประเด็นที่ศาลมักจะหยิบยกมาวินิจฉัย ในการกำหนดค่าทดแทน เช่น

ADVERTISMENT

การศึกษาเป็นอย่างไร ? ยิ่งฝ่ายที่มีชู้ หรือคู่สมรสมีการศึกษาสูงมาก หรือจบในวิชาชีพสาขากฎหมายที่จำเป็นต้องทำงานที่ต้องเป็นที่เชื่อถือของสังคม เช่น นิติศาสตร์ แพทย์ ก็ถือว่าเป็นบุคคลที่จะต้องรู้จักผิดชอบชั่วดีมากกว่าบุคคลอื่น

หากคู่สมรสหรือชู้ที่มีฐานะทางสังคมสูง กระทำการนอกใจคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ศาลจะนำวิธีใช้กำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้น

ทำอาชีพอะไร ? เป็นประเด็นที่สำคัญเพราะถ้าหากเป็นอาชีพที่จะต้องได้รับความเชื่อถือ หรือเป็นที่ยอมรับของสังคมเช่น เป็นครู เป็นหมอ แล้วปรากฏว่ามีพฤติการณ์นอกใจคู่สมรสย่อมถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง และสังคมไม่ยอมรับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ศาลจะวินิจฉัยกำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้น

เป็นที่รู้จักทางสังคมแค่ไหน ? บางอาชีพนั้นเป็นที่รู้จักของสังคมอย่างกว้างขวาง เช่น นักการเมือง ดารานักแสดง นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร อาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นต้น ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์เป็นชู้ขึ้นแล้วย่อมเป็นที่รู้ของวงสังคมระดับกว้างขวาง ก่อให้เกิดความเสียหายมาก และศาลก็จะกำหนดค่าเสียหายให้สูงขึ้นเช่นกัน

รายได้เป็นอย่างไร ? ถ้าคู่กรณีทุกฝ่ายมีรายได้ไม่เยอะมาก เช่น ทั้งชู้และคู่สมรสเป็นพนักงานบริษัท มีเงินเดือนเพียงเดือนละ 15,000 บาท ศาลก็อาจจะกำหนดค่าทดแทนเป็นจำนวนไม่สูงมาก แต่ถ้าคู่กรณีมีรายได้สูง เช่น ทั้งตัวสามีภริยา และตัวชู้เป็นนักธุรกิจมีรายได้เดือนหนึ่งหลักล้าน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ศาลนำมากำหนดเป็นประเด็นให้ค่าทดแทนสูงขึ้น

แต่งงานกันมานานแค่ไหน ?

กรณีที่คู่สมรสแต่งงานกันมาเป็นเวลานานเช่น แต่งงานกันมาเป็นเวลา 20 ปี มีครอบครัวมั่นคง หากมีพฤติการณ์เป็นชู้เกิดขึ้นและทำให้ครอบครัวแตกแยก ค่าทดแทนที่จะได้รับย่อมจะสูงกว่ากรณีที่คู่สมรสเพิ่งแต่งงานกันมาเป็นเวลาไม่นาน ตัวอย่างเช่น บางคู่สมรสพึ่งจดทะเบียนสมรสกันเพียงไม่กี่เดือน และอีกฝ่ายก็ไปมีชู้ เช่นนี้ค่าเสียหายที่ได้ย่อมลดหลั่นลงมา

นอกจากนี้ คู่สมรสบางคู่ที่แม้เพิ่งจะจดทะเบียนสมรสไม่นาน แต่ได้อยู่กินร่วมกันมานานแล้ว ก็ควรนำสืบถึงกรณีที่เคยอยู่กินร่วมกันมาก่อนจดทะเบียนสมรสมาเป็นเวลานานด้วย เพื่อประกอบการพิจารณาของศาลว่า ถึงแม้จะจดทะเบียนสมรสมาไม่นานมาก แต่ได้อยู่กินกันมาเป็นเวลาน และมีความรักความผูกพันกับคู่สมรสมาเป็นเวลานาน เพื่อขอให้ศาลกำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้น

มีการจัดงานแต่งงานหรือไม่ ?

คู่สมรสบางคู่นั้นจัดงานสมรสใหญ่โต มีผู้หลักผู้ใหญ่ มีนักการเมืองที่มีชื่อเสียง มีข้าราชการใหญ่มาร่วมเป็นประธานและสักขีพยานในงานพิธี มีแขกเหรื่อ ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก จัดงานสมรสที่โรงแรมใหญ่โต เสียค่าใช้จ่ายในการจัดงานสมรสเป็นจำนวนมาก

ซึ่งกรณีนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ศาลจะนำมาวินิจฉัยในการกำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้น เพราะการเป็นชู้จนทำให้ครอบครัวแตกแยกในกรณีนี้ ย่อมทำให้คู่สมรสได้รับความเสียหายอับอายต่อบุคคลอื่นเป็นอย่างมาก เพราะมีสักขีพยาน ร่วมรู้เห็นกับการสมรสเป็นจำนวนมาก

ในทางกลับกันคู่สมรสบางคู่ไม่ได้จัดงานสมรสกันเลย เพียงแต่อยู่กินด้วยกันแล้วจดทะเบียนสมรส กรณีนี้ถ้าเราเป็นฝ่ายจำเลยก็สามารถหยิบยกมาเป็นประเด็นเพื่อต่อสู้ได้ว่าค่าเสียหายในคดีจะไม่สูงมาก

มีบุตรด้วยกันหรือไม่ ?

ในกรณีที่คู่สมรสมีบุตรด้วยกัน การเป็นชู้ย่อมทำให้ครอบครัวเกิดความแตกแยก ทำให้บุตรได้รับความเดือดร้อนเสียใจ รวมทั้งได้รับความอับอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่บุตรยังเล็กอยู่ การที่ครอบครัวแตกแยกย่อมทำให้บุตรได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ทั้งทางจิตใจ และอาจจะทำให้ขาดการอุปการะเลี้ยงดูและเอาใจใส่จากคู่สมรสฝ่านที่มีชู้ จนอาจทำให้เป็นเด็กที่มีปมด้อย

กรณีดังกล่าวเป็นประเด็นหนึ่งที่ศาลจะนำมาหยิบยกกำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้น มากกว่ากรณีที่คู่สมรสไม่มีบุตรด้วยกัน

ความสัมพันธ์ครอบครัว ก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไร ?

คู่สมรสบางคู่นั้นรักกันมากอยู่กินมาด้วยกันเป็นเวลานาน ไม่เคยมีการนอกใจกันเกิดขึ้น ครอบครัวมีความอบอุ่น และมีความสุขกันเป็นอย่างดี แต่ปรากฏว่า มือที่สามเข้ามาทำให้ครอบครัวเขาต้องแตกแยก คู่สมรสได้รับความเดือดร้อนเสียหายเสียใจเป็นอย่างมาก กรณีเช่นนี้ศาลมักจะกำหนดค่าทดแทนให้สูง และในกรณีที่เราเป็นทนายความฝ่ายโจทก์ก็ควรจะต้องนำสืบให้ศาลเห็นถึงประเด็นนี้ด้วย

แต่คู่สมรสบางคู่นั้น ปรากฏว่าก็แยกกันอยู่มาเป็นเวลานาน เพราะทะเลาะกันหรือมีความเห็นไม่ตรงกันจนไม่สามารถอยู่กินร่วมกันได้ เพียงแต่ไม่ได้จดทะเบียนหย่าขาดจากกัน ขณะเดียวกันคู่สมรสบางคู่ ถึงไม่ได้แยกกันอยู่แต่ก็มีความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานทะเลาะกันระหองระแหงตลอดมา หรืออีกฝ่ายนึงก็มีชู้เป็นประจำ หรือมีการเลี้ยงดูหญิงอื่นเป็นเมียน้อยอีกหลายคนเป็นปกติอยู่แล้ว

ในกรณีหลังที่คู่สมรสมีปัญหากันอยู่แล้วนั้น ศาลย่อมกำหนดค่าทดแทนให้ต่ำ เพราะการเป็นชู้หรือมีชู้นั้นไม่ได้เป็นเหตุให้ครอบครัวแตกแยก แต่ครอบครัวนั้นได้มีปัญหาแตกแยกกันมาก่อนที่จะมีชู้เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วซึ่งหากเราเป็นทนายความจำเลยก็จะต้องนำสืบประเด็นนี้ให้ศาลเห็นเพื่อกำหนดค่าทดแทนให้ต่ำลง

พฤติการณ์ชู้ เปิดเผยแค่ไหน ?

บางกรณีพฤติกรรมการเป็นชู้มีลักษณะแบบปกปิด ไม่ได้เปิดเผยตัวเองต่อที่สาธารณะ มีลักษณะเป็นการแอบพบเจอกันตามโรงแรม หรือบ้านพักส่วนตัว ไม่มีการนำตัวชู้ไปเปิดเผยให้กับบุคคลอื่นรับทราบในวงกว้าง ไม่มีการนำรูปคู่หรือความสัมพันธ์ไปเผยแพร่ตามสื่อออนไลน์ ซึ่งกรณีนี้ศาลก็จะกำหนดค่าเสียหายให้ต่ำ เพราะพฤติการณ์ไม่ร้ายแรงนัก ซึ่งหากเราเป็นฝ่ายจำเลยก็ต้องนำสืบประเด็นนี้ให้ศาลเห็น

แต่ในการเป็นชู้บางรายเปิดเผยเต็มที่อย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด ๆ เช่น ลงรูปคู่แสดงความรักกันในสื่อออนไลน์ พาไปเที่ยวสถานบันเทิงอย่างเปิดเผย แสดงตนโดยเปิดเผยกับเพื่อนที่ทำงานทุกคน นำไปให้บิดามารดารู้จัก หรืออยู่กินกันแบบเปิดเผยที่บ้าน หรือบางกรณี ชู้บางคนยังมาระรานหรือด่าเมียหลวง หรือบางกรณีถึงขั้นจัดงานสมรส

กรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่มีความสำนึกในศีลธรรมอันดี และศาลจะกำหนดค่าเสียหายให้สูงกว่าปกติ 

เป็นชู้มานานแค่ไหน ?

ในกรณีที่เป็นชู้กันเพียงระยะเวลาไม่นาน เช่น อาจจะเป็นแค่เดือนเดียว หรือเป็นอาทิตย์ กรณีเช่นนี้ย่อมถือว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่สมรสยังไม่มากเท่าใดนัก ซึ่งศาลก็มักจะกำหนดค่าเสียหายให้ต่ำ

แต่ในกรณีที่พฤติกรรมเป็นชู้มาเป็นเวลานานเป็นปีจนกระทั่งถูกจับได้ เช่นนี้ในระหว่างที่เป็นชู้กันนั้นฝ่ายชู้ อาจได้รับผลประโยชน์ต่าง ๆ จากคู่สมรสเป็นจำนวนมาก ซึ่งย่อมเป็นประเด็นที่ศาลจะกำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้น

ฝ่ายชู้รู้หรือไม่ ว่าอีกฝ่ายมีคู่สมรสอยู่แล้ว ?

สำหรับบุคคลที่เข้ามาเป็นมือที่สาม หรือเป็นชู้กับคู่สมรสนั้น บางครั้งเขาเองก็ไม่รู้ว่าคู่สมรสฝ่ายนั้นมีสามีหรือภรรยาอยู่แล้ว เพราะบางครั้งคู่สมรสบางคู่ก็ไม่ได้อยู่กินด้วยกันตลอดด้วยเหตุผลทางภาระหน้าที่การงาน หรือเหตุผลส่วนตัว และบางครั้งคู่สมรสที่ไปมีชู้นั้น ก็ไปหลอกลวงหรือแสดงตนกับบุคคลอื่นว่า ตนเองเป็นคนโสด

ซึ่งตามกฎหมายแล้ว ไม่ว่าชู้จะรู้หรือไม่รู้ว่า บุคคลที่ตนเองเข้าไปมีความสัมพันธ์นั้นมีคู่สมรสอยู่แล้วหรือไม่ ก็ต้องรับผิดทางแพ่งตามกฎหมายไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ถือได้ว่าไม่ได้มีเจตนาชั่วร้ายหรือฝ่าฝืนต่อศีลธรรม ศาลย่อมจะกำหนดค่าทดแทนให้ต่ำ ซึ่งบางทีอาจจะเสียเพียงแค่เงินหลักหมื่นเท่านั้น

แต่กรณีที่ฝ่ายชู้รู้อยู่แล้วว่า อีกฝ่ายนึงมีคู่สมรสอยู่แล้ว แต่ยังเต็มใจเข้าไปมีความสัมพันธ์ด้วย ย่อมถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่มีความสำนึกในศีลธรรมอันดี ศาลย่อมกำหนดค่าทดแทนให้สูง และเป็นส่วนหนึ่งที่ฝ่ายโจทก์จะต้องนำสืบให้ชัดเจน

หลังจากถูกจับได้แล้ว สำนึกผิดหรือไม่ ?

หลังจากที่ถูกจับได้ว่ามีชู้ หากคู่สมรสฝ่ายที่มีชู้และฝ่ายตัวชู้สำนึกผิด หยุดความสัมพันธ์ดังกล่าวไว้ทันที พร้อมทั้งแสดงความจริงใจขอขมากับคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง ย่อมถือว่าชู้และคู่สมรสฝ่ายนั้นมีความสำนึกในการกระทำของตนเอง ศาลย่อมกำหนดค่าทดแทนให้ต่ำลง

แต่หากหลังจากถูกจับได้ว่าเป็นชู้หรือมีชู้กันแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังไม่ยอมหยุดความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ซ้ำร้ายยังไประรานคู่สมรสอีกฝ่าย หรือพยายามขอเลิกกับคู่สมรส บีบให้คู่สมรสเลิกรากันเพื่อมาอยู่กินกับตนเอง พฤติกรรมเช่นนี้เรียกว่าไม่มีความสำนึกใด ๆ และศาลย่อมกำหนดค่าทดแทนให้สูง

มีการฟ้องหย่า อีกฝ่ายได้ทรัพย์สินจากการฟ้องด้วยหรือไม่ ?

ประเด็นนี้เป็นไปตามข้อกฎหมายคือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1525 วรรคสอง ที่วางหลักว่า หากคู่สมรสมีการฟ้องหย่าประกอบการฟ้องชู้ด้วยนั้น ต้องดูว่ามีการแบ่งทรัพย์สินกันเป็นอย่างไร

ตัวอย่างเช่น สามีมีชู้ ภรรยาจึงฟ้องหย่าพร้อมกับฟ้องชู้ และภรรยาได้รับส่วนแบ่งสินสมรสประมาณ 20 ล้าน ในคดีฟ้องหย่า เช่นนี้ในกรณีฟ้องชู้เรียกค่าทดแทน ศาลอาจจะกำหนดค่าทดแทนให้ต่ำลง เพราะเห็นว่าฝ่ายภรรยาได้ทรัพย์สินสมรสไปส่วนหนึ่งแล้ว