“หลวงพ่อคูณ” วัตถุมงคลและคำสอน สู่ แฟชั่นสายสตรีท

สุพรีม-1

ย้อนอ่านคำสอน “หลวงพ่อคูณ” ในวันที่ “ผ้ายันต์หลวงพ่อคูณ” ไปปรากฏบนเสื้อแบรนด์ดัง พร้อมหาคำตอบว่า เหตุใดวัตถุมงคลของท่านจึงศักดิ์สิทธิ์

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีแบรนด์ไลฟ์สไตล์สเก็ตบอร์ดสัญชาติอเมริกัน Supreme (ซูพรีม) เตรียมวางจำหน่ายคอลเลกชั่นใหม่ เสื้อสกรีนลายผ้ายันต์ “หลวงพ่อคูณ” สร้างความตื่นเต้นในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในหมู่พุทธศาสนิกชนชาวไทย เป็นอย่างมาก ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

“ประชาชาติธุรกิจ” ถือโอกาสชวนผู้อ่าน ย้อนไปทำความรู้จัก “ของขลัง” และ “คำสอน” ของ “หลวงพ่อคูณ” พระเกจิดังผู้มีเอกลักษณ์ที่ความเรียบง่าย สมถะ มักนั่งยอง พูดกูมึง ซึ่งเป็นที่เคารพรักของชาวไทยตลอดมา แม้ว่าท่านจะละสังขารไปแล้วตั้งแต่ปี 2558

ประวัติหลวงพ่อคูณ

ข้อมูลจากเว็บไซต์ “ศิลปวัฒนธรรม” เผยว่า พระเทพวิทยาคม หรือ “หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ” (ชื่อเดิม คูณ ฉัตรพลกรัง) เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2466 ที่บ้านไร่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ในครอบครัวชาวไร่ บิดามารดาเสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังเป็นเด็ก น้าสาวจึงอุปการะหลวงพ่อและน้องสาวอีก 2 คน แทน

เมื่ออายุประมาณ 6-7 ขวบ หลวงพ่อคูณได้เรียนหนังสือกับพระอาจารย์ฉาย และพระอาจารย์หล ซึ่งนอกจากภาษาไทย และภาษาขอมแล้ว ท่านยังได้เรียนวิชาอาคม สำหรับใช้ป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ด้วย จนกระทั่งอายุ 21 ปี หลวงพ่อคูณจึงอุปสมบทที่วัดถนนหักใหญ่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2487 ได้ฉายาว่า “ปริสุทฺโธ-ผู้บริสุทธิ์”

ต่อมาได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแดง พระนักปฏิบัติทางด้านคันถธุระและวิปัสสนา ที่วัดบ้านหนองโพธิ์ ตำบลสำนักตะคร้อ อำเภอด่านขุนทด ภายหลังหลวงพ่อแดงพาท่านไปฝากเป็นศิษย์หลวงพ่อคง พุทฺธโร ซึ่งเป็นสหธรรมิก เพื่อเรียนเรื่องการมีสติระลึกรู้ เพื่อให้เท่าทันอารมณ์ต่าง ๆ กระทั่งมีความรู้และชำนาญดีแล้ว จึงออกธุดงค์ โดยเริ่มจากจังหวัดนครราชสีมา ก่อนไปลาว เขมร มุ่งสู่ป่าลึก

สุดท้ายหลวงพ่อคูณตัดสินใจกลับมาอยู่ที่วัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด ท่านได้พัฒนาวัดและชุมชนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพระอุโบสถ, สร้างกุฏิสงฆ์, ขุดสระน้ำ, ฯลฯ ซึ่งหลวงพ่อคูณนำชาวบ้านให้มาช่วยกันสร้าง ก่อนจะขยายออกไปยังกิจสาธารณกุศลอื่นนอกวัด เช่น การสร้างสร้างโรงเรียน, สร้างโรงพยาบาล, ให้ทุนการศึกษา ฯลฯ ซึ่งเป็นการบำเพ็ญทานบารมี ตามท่านแนวทางที่หลงพ่อคูณเคยกล่าวไว้หลายครั้งว่า

เงินที่นำมาทำบุญกั๊บกู กูจะไม่เก๊บไว่ เขานำมาฝากกูกูก็นำไปทำบุญให่เขาต่อ เขาก็เอามาให่กูอิ๊กมันก็หมุนเวียนไปอย่างนี่ การทำบุญทำทานจอต้องฟึ้ก ยิ่งให่ มันก็ยิ่งมา ถ้ากูเก๊บไว่ เขาจะได้บุญอะไรเหล่า และเขาก็ไม่เอามาให่กูต่อไป”

ด้วยคุณงามความดีของท่าน ทำให้ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นเทพ เมื่อวันที่ 12 เดือนสิงหาคม 2547 โดยมีราชทินนามตามสัญญาบัตรประกอบพัดยศสมณศักดิ์ว่า “พระเทพวิทยาคม” หรือที่ชาวไทยรู้จักเป็นอย่างดีว่า “หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ” วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา

วัตถุมงคลและความศักดิ์สิทธิ์

ศิลปวัฒนธรรมเผยด้วยว่า หลวงพ่อเริ่มทำวัตถุมงคลประมาณ ปี 2493 ใช้คาถาในการปลุกเสกว่า “มะอะอุ นะมะพะธะ นะโมพุทายะ พุทโธ ยานะ” และโด่งดังในวงการ “พระเครื่อง” ในปี 2536 เมื่อเกิดอุบัติภัยร้ายแรง 2 ครั้ง เพราะผู้ที่รอดชีวิตต่างมีวัตถุมงคลของหลวงพ่อคูณ

ครั้งแรกเป็นเหตุเพลิงไหม้โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์ จ.นครปฐม เมื่อเดือนพฤษภาคม 2536 มีผู้เสียชีวิต 200 ราย แต่ นางสาวไพรัตน์ จีมขุนทด ชาวอำเภอด่านขุนทด ตัดสินใจกำเหรียญหลวงพ่อคูณรุ่นสหกรณ์ โดดจากชั้นที่ 3 ของอาคารที่เพลิงไหม้ และเธอก็ “รอดชีวิต”

ส่วนอีกครั้งคือ 13 สิงหาคม 2536 โรงแรมรอยัลพลาซ่า จังหวัดนครราชสีมา ถล่ม มีผู้เสียชีวิต 137 ราย หลังเกิดเหตุหลวงพ่อได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ สอบถามความคืบหน้าและอวยพรให้ผู้ที่ติดอยู่ในซากอาคาร พร้อมสวดมนต์ให้แก่ผู้เสียชีวิต หลังจากนั้นไม่นาน ก็สามารถช่วยเหลือพนักงานของโรงแรมจำนวนหนึ่งออกจาก ซากอาคารได้ และพวกเขาทุกคนมีพระเครื่องของหลวงพ่ออยู่ที่คอ

อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อคูณเตือนย้ำอยู่เสมอว่า

เมื่อมีพระเครื่องของกูติดตัว ให้ภาวนาพุทธโธ ทำจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่ ละเว้นถ้อยคำด่าทอ ด่าพ่อแม่ตน และพ่อแม่คนอื่น อย่าผิดสามีภรรยาผู้อื่น และให้สวดมนต์ก่อนเข้านอนทุกคืน ไม่ว่าอยู่ที่ใด”

ด้านจำนวนวัตถุมงคลของหลวงพ่อคูณนั้น “คมชัดลึก” รายงานว่า มีการประมาณกันว่า ตลอดชีวิตของท่านได้สร้างวัตถุมงคลออกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4,000 รุ่น แต่ละรุ่นล้วนได้รับความนิยมและเป็นที่เล่นหาแตกต่างกันไป ปรากฏการณ์ดังกล่าวจึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าหลวงพ่อคูณ คือ พระเกจิอาจารย์อันดับหนึ่งของเมืองไทยอย่างแท้จริง

ในแง่ของ ความขลัง หลวงพ่อคูณถือเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม ฯลฯ

เคยมีพระกรรมฐานชั้นผู้ใหญ่ของเมืองไทยได้กล่าวคำรับรองไว้ว่า การที่หลวงพ่อคูณทำอะไรก็เกิดความศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นเพราะท่านทรงฌานตลอดเวลา

ไม่แปลกที่ในอดีตศิษยานุศิษย์จึงแห่กันไปให้ท่านใช้หนังสือพิมพ์เคาะหัว บางคนประสบความสำเร็จในชีวิต บางคนไปประสบอุบัติเหตุก็ไม่ได้รับอันตราย ฯลฯ ในทางธรรมแล้ว เหล่านี้คือความศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นจากอำนาจแห่งฌานที่ท่านดำรงอยู่ตลอดเวลา

นอกเหนือไปจากความขลังที่เกิดจากคาถาอาคมและฌานสมบัติแล้วว่ากันว่า การที่ท่านได้เมตตาอนุเคราะห์แก่ชาวโลก โดยการบริจาคปัจจัยเพื่อสนับสนุนสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ให้แก่สังคม ซึ่งเงินทุนที่ให้การสนับสนุนต่าง ๆ นั้น ล้วนได้มาจากวัตถุมงคลของท่านที่มีความศักดิ์สิทธิ์จนมีคำกล่าวว่า

“ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อคูณ ส่วนหนึ่งเกิดจากบารมีทาน ทานบารมีที่หลวงพ่อได้บริจาคไปทั่วแผ่นดิน”

คำสอน “หลวงพ่อคูณ”

เมื่อปี 2562 มติชนรายวัน นำเสนอรายงานเรื่อง “คำสอนพ่อคูณฝากไว้ให้คำนึง” โดยคัดเลือกคำสอนจากหนังสือ คุณาลัย ปริสุทฺโธ อาลัยหลวงพ่อคูณผู้บริสุทธิ์” ของสำนักพิมพ์มติชน ดังนี้…

โลกนี้โลกหน้ามันยังมีมากกว่านี้ อย่างมงายกับทรัพย์สมบัติในชาตินี้ ยามอยู่ให้เขาอาลัย ยามจากไปให้เขาคิดถึง ชาติเสือต้องไว้ลาย เกิดเป็นชายยังต้องไว้ชื่อ

การทำบุญไม่แตกต่างจากการคิดทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่ต้องมีการวางแผน หรือขั้นตอนในการทำ นั่นคือการทำบุญแต่ละครั้ง แผ่ส่วนกุศลให้ศัตรูหมู่มารด้วย เช่น เจ้ากรรมนายเวร เจ้าบุญ นายคุณ เพราะเป็นของคู่กับเราเหมือนดำกับขาว มืดกับสว่าง สุขคู่กับทุกข์

อยากให้บ้านเราเจริญนะ ไม่ยากหรอก ตั้งอยู่ในองค์ปัญจะทั้ง 5 คือรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ ไม่ให้ขาด อย่าให้ด่างพร้อย เป็นมนุษย์สุดประเสริฐหรือใครก็ตาม แม้แต่พระเราก็ต้องรักษาศีล 5 ถ้าไม่มีศีล 5 ประจำใจ ไม่ว่าพระรูปใดรูปหนึ่ง ก็เป็นพระไม่ได้เหมือนกัน”

พ่อแม่อยู่บนบ้าน มึงไม่ทำบุญเลย มึงควรทำบุญทุกวันก็จะได้มาก มึงอย่ามัวรอทำบุญ 100 วัน มึงจะได้สักเท่าไหร่

ยิ่งเอา มันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมด มันยิ่งได้

ลูกหลายเอ๋ย….การทำหน้าที่คือการปฏิบัติธรรม จงทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด อย่าได้ทุจริตต่อหน้าที่เลย

กูจะทำให้ชาวบ้าน เพื่อตอบแทนข้าวน้ำ ที่เขาให้กูกินทุกวัน

คนเราเมื่อมีเมตตาให้กับคนอื่น ผู้อื่นเขาก็จะให้ความเมตตาตอบสนองต่อเรา ถ้าเราโกรธเขา เขาก็จะโกรธเราตอบเช่นกัน ความเมตตานี่แหละ คืออาวุธ ที่จะปกป้องตัวเองให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เป็นอาวุธที่ใคร ๆ จะนำเอาไปใช้ก็ได้ จัดว่าเป็นของดีนักแล

โลภ โกรธ หลง มึงอย่าไปหลงงมงายเชียวนะ ถ้ามึงอยู่ในศีลในธรรม มึงก็จะเป็นไปตามกรรมที่มึงสร้างไว้

พระไม่ได้อยู่กับคนชั่วแต่อยู่กับคนดี ให้นึกว่าพระมากับเราก็ทำชั่วไม่ได้ อย่าทำตัวผิดศีลธรรม ผิดจารีตประเพณี โดยเฉพาะการทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

ถ้ามึงไม่คิดสกปรก ใจมึงจะไม่บอด ไอ้คนใจบอดมันใจคับแคบ ตระหนี่ถี่เหนียว มองคนอื่นเขาเลวหมด แต่ไม่เคยมองดูตัวเอง แต่ถ้ามึงใจไม่บอดต่อให้แต่งตัวโกโรโกโสยังไงใคร ๆ เขาก็อยากคบมึง

กูมีเงินเพราะพวกมึงช่วยเหลือ พวกมึงบริจาคกันเป็นล้าน ๆ ก็เอาไปให้คนอื่นที่มันลำบาก แต่ถ้ากูเห็นแต่ได้เก็บเงินเอาไว้คนเดียว ใครจะมาบริจาคให้กูอีก เพราะให้ไปไม่เผื่อแผ่คนทุกข์ยาก

การทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่นั้นง่าย แต่การจะสร้างสมบุญบารมีนั้นเป็นเรื่องยาก ต้องเสียสละบำเพ็ญเพียรเพื่อบารมีธรรม ต้องเป็นผู้ให้ด้วยธรรมอันบริสุทธิ์จริง

พวกมึงมาขอโชค พร กูก็ให้พรและเคาะหัว แต่เรื่องเลขเด็ด ไม่มีให้ใครด๊อก อย่าไปงมงายเอาเงินไปซื้อเลขหวยกันเลย เก็บเงินไว้ซื้อข้าวดีกว่า

คนตาบอดถ้าเป็นผู้มีศีล มีธรรม แม้จะพิการทางร่างกาย ก็ยังน่าคบกว่า

หากมึงคิดเป็นผู้นำของแผ่นดิน องค์กรหรือครอบครัวที่ดี มึงต้องทำตัวเหมือนกระโถน ยอมรับได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งเรื่องดีเลว เรื่องดีมึงเก็บได้กับตัว เรื่องเลวมึงทิ้งตรงนั้น แม้เขาถูกหรือผิดมึงก็ต้องรับฟังค่อยๆ บอกให้เขาแก้ไข

หากพิจารณาให้ดีแล้วจะเห็นว่าคำสอนของหลวงพ่อคูณ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยยังคงนำไปปรับใช้ได้เสมอ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรื่องราวของขลังหลวงพ่อคูณจะถูกนำไปต่อยอดสู่โลกแฟชั่น ที่พยายามสร้างสตอรีให้กับผลิตภัณฑ์และแบรนด์ นำไปสู่การกล่าวถึงในโลกโซเชียล