ย้อนที่มา “ประสาน” ผู้ช่วยประวิตร ถอนตัวจากคณะทำงาน “บางกลอย”

ย้อนที่มา ประสาร ถอนตัวจากคณะทำงานบางกลอย
ภาพจากเฟซบุ๊ก ภาคีSaveบางกลอย

ย้อนเหตุการณ์ ก่อน “ประสาน หวังรัตนาปราณี” ผู้ช่วยฯ “ประวิตร” จะขอถอนตัวจากการแก้ปัญหาของชาวบางกลอย ถูกภาคีเซฟบางกลอยซัด “วุฒิภาวะ” สำคัญไม่แพ้ “วุฒิการศึกษา” และผู้มี “อารยะ” จะไม่ “หยามเหยียด” เพื่อนมนุษย์ เพียงเพราะต่างชาติพันธุ์’ 

วันที่ 22 มีนาคม 2564 นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ถอนตัวจากการแก้ปัญหาของชาวบางกลอยแล้ว โดยจะให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการชุดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง

นายประสาน กล่าวอีกว่า รู้สึกเสียใจที่คำพูดของตน ถูกตีความและเข้าใจผิดว่าเป็นการข่มขู่ ด้วยเป็นคนที่มีน้ำเสียงพูดจริงจังและมีความตั้งใจจริง ที่จะเร่งแก้ปัญหาให้พี่น้องชาวบางกลอย จึงได้ลงพื้นที่ไปด้วยตนเองอย่างเร่งด่วน แม้ว่าการขึ้นเฮลิคอปเตอร์เข้าพื้นที่ใจแผ่นดินจะเสี่ยง เนื่องจากพื้นที่หุบเขานี้เคยเกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกมาแล้ว 3 ลำ แต่ตนอยากจะไปดูด้วยตาตนเอง เพื่อจะได้แก้ปัญหาให้ถูกจุด

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะถอนตัว ตนได้ประสานให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) กองบัญชาการกองทัพไทย ที่มีทหารพัฒนาอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เข้าไปสร้างทางสร้างถนนให้ตามที่ชาวบ้านร้องขอแล้ว คาดว่าทหารพัฒนาจะเข้าพื้นที่ในเร็ว ๆ นี้

โดยก่อนที่นายประสานตัดสินใจถอนตัวจากคณะทำงาน มีการเผยแพร่คลิปความยาว 2.31 นาที ระหว่างที่นายประสาน บินไปแก่งกระจาน เมื่อวันที่ 18 มีนาคม โดยนายประสานได้จับไมค์พูดคุยกับชาวบ้านบางกลอย

ช่วงหนึ่งนายประสานได้ตำหนิว่ามีคนเผาป่าใจแผ่นดิน อ้างว่าตนเองนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปเห็นไร่กัญชา แต่ไม่ได้ลงไปดู เพราะภูมิประเทศอันตราย ชาวบ้านจึงพากันสงสัยว่าทำไมนายประสานจึงมีตาทิพย์ เห็นต้นกัญชาจากบนเฮลิคอปเตอร์

ADVERTISMENT

ด้าน “ประยงค์ ดอกลำไย” นักเคลื่อนไหวการต่อสู้เรื่องที่ดิน โพสต์เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลิปว่า “13.00 น. วันที่ 18 มีนาคม 2564 (รัฐบาลส่งคนไปแก้ปัญหา หรือไปสุ่มไฟความขัดแย้งที่บางกลอย?)

ADVERTISMENT

ชาวบ้านโทรมาเล่าว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่บางกลอย โดยนัดหมายเวลา 09.30 น. แต่ให้ชาวบ้านรอถึง 11.30 น. โดยใช้เวลาส่วนใหญ่ฟังรายงานจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และบินดูพื้นที่….แต่เมื่อเดินทางมาถึงศาลาพะลอจี ก็จับไมโครโฟนขึ้นพูดยาวโดยไม่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้พูดเลย….

บินดูพื้นที่อ้างว่าพบแปลงปลูกกัญชา ยืนยันข้างบนใจแผ่นดินขึ้นไปอยู่ไม่ได้เพราะป่าฟื้นสภาพเป็นป่าสมบูรณ์แล้ว และมีสภาพเป็นเขาสูงชันไม่เหมาะสมที่จะกลับขึ้นไป ยืนยันและสัญญาว่าจะจัดสรรพื้นที่ข้างล่างและพัฒนาระบบน้ำให้อย่างเพียงพอ …..

นี่คือส่วนหนึ่งของคำสนทนา

‘ไหนตัวแทนพีมูฟมีไหม คนไหน? ผมอยากจะพาขึ้นไปดูให้เห็นกับตา

‘พูดไทยได้กันทุกคนไหม…ฟังผมรู้เรื่องใช่ไหม…’

‘ผมบินขึ้นไปดูแล้วเห็นหมดแล้วใจแผ่นดิน เห็นหลังคาบ้านหมู่บ้านของพวกคุณฝั่งโน้น…(มันใกล้ชายแดนมาก)

‘เราเห็นไร่กัญชาด้วย ผมถ่ายรูปมา (ชาวบ้านขอดูรูปแต่ไม่ให้ดู)

‘พ่อแม่ผมลำบากกว่าพ่อเเม่พวกคุณอีก’

‘ผมอยากมาเป็นกะเหรี่ยงแบบคุณ ผมอิจฉาพวกคุณ ผมอยู่มาจนป่านนี้เกษียณมาจนอายุจะ 70 แล้วยังมีที่ไม่ถึงสองไร่ พวกคุณมีได้ตั้ง 7 ไร่’

‘เราอย่าพูดเรื่องอดีต เราจะพูดเรื่องอนาคต เดี๋ยวจะขุดบ่อบาดาล สร้างแหล่งน้ำให้ เอาอินเตอร์เน็ตดี ๆ และแผงโซลาร์เซลล์มาติดตั้งให้…’

‘ต่อไปนี้เราจะอยู่กันอย่างพี่น้อง แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมาถอนหงอกแน่นอน’

‘อย่าไปเชื่อคำยุยงของคนนอกพาคุณเย้ ๆ แล้วยังไง …’

‘คุณอายุเท่าไร อย่ามาโต้แย้งผม ผมให้เกียรติคุณ คุณต้องให้เกียรติผมบ้าง (เมื่อชาวบ้านขอพูดบ้าง)’

‘ต่อไปนี้ถ้ามีปัญหาอะไรให้ไปบอกผู้ใหญ่บ้าน ไม่ต้องลงไปกรุงเทพฯ มันเสียเวลาทำงาน ของพวกผมนะ…’”

 13.00 น. วันที่ 18 มีนาคม 2564
(รัฐบาลส่งคนไปแก้ปัญหา หรือไปสุ่มไฟความขัดแย้งที่บางกลอย ?)
ชาวบ้านโทรมาเล่าว่า…

โพสต์โดย Prayong Doklamyai เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม 2021

 

ต่อมา ภาคี #saveบางกลอย เผยแพร่แถลงการณ์ระบุว่า จากคลิปดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความกังวลใจอย่างยิ่งต่อท่าทีของนายประสาน ที่ปรากฎลักษณะของการขาดทักษะการเป็นผู้นำ ไร้วิสัยทัศน์ในการมองปัญหาของชาวบ้านอย่างจริงใจ อีกทั้งแสดงออกถึงท่าทีการเหยียดเชื้อชาติและภาษา (Racism)

นอกจากนี้ ยังกล่าวหาว่าชาวบ้านปลูกกัญชา และได้ไปเห็นที่ใจแผ่นดิน โดยอ้างว่ามีการถ่ายภาพมาเป็นหลักฐาน แต่ไม่ยอมแสดงหลักฐานให้เป็นที่ประจักษ์ อีกทั้งในความเป็นจริงแล้วชาวบ้านขึ้นไปถึงได้แค่พื้นที่บางกลอยบน หาใช่ใจแผ่นดินไม่

ดังนั้น การกล่าวหาของนายประสานถือเป็นข้อกล่าวหาร้ายแรงและไม่มีหลักฐานยืนยันแสดง ซึ่งหากข้อความที่กล่าวเป็นเรื่องเท็จ ผู้กระทำจะมีความผิดทางอาญา และต้องชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง

จากเหตุการณ์นี้ทำให้พวกเราเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าคณะการทำงานแก้ไขของชาวบ้านที่ถูกแต่งตั้งขึ้นในครั้งนี้ มีประสิทธิภาพและความจริงใจมากน้อยเพียงใด

ภาคี #SAVEบางกลอย เห็นว่า นายประสานไม่มีลักษณะของการเป็นนักเจรจาที่ดี รวมถึงไม่ได้ยึดความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง สร้างความขัดแย้งและความขุ่นเคืองใจให้ชาวบ้านมากกว่าจะรับฟังเพื่อนำไปสู่ทางออกของปัญหาดังที่ชาวบ้านเรียกร้องมาโดยตลอด คือการต้องหาแนวทางหรือนโยบายในการพาชาวบางกลอยกลับใจแผ่นดิน

ฉะนั้น เราขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า หากต้องมีการลงพื้นที่เพื่อพูดคุยกับชาวบ้าน ไม่ควรให้นายประสานอยู่ในกลไกการแก้ไขปัญหาอีก เนื่องจากทำตัวเป็นคู่ขัดแย้ง และใช้อคติที่มืดบอดบดบังการใช้เหตุผลและรับฟังอย่างเปิดใจ

นอกจากนั้น เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาแสดงความรับผิดชอบ โดยชี้แจงกรณีดังกล่าว รวมถึงขออภัยชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยอย่างเป็นทางการ จากกรณีการเหยียดหยามชาติพันธุ์และสร้างบาดแผลในจิตใจด้วยความรุนแรงทางกิริยาและวาจา ที่เดินหน้าผลิตซ้ำมายาคติกดทับ ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้มาแก้ไขปัญหา เรื่องราวเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง

ท้ายที่สุดนี้ขอฝากถึงนายประสาน หวังรัตนปราณี ว่า “วุฒิภาวะ” สำคัญไม่แพ้ “วุฒิการศึกษา” และผู้มี “อารยะ” จะไม่ “หยามเหยียด” เพื่อนมนุษย์เพียงเพราะต่างชาติพันธุ์’ ภาคีเซฟบางกลอยระบุ

แถลงการณ์ภาคี #saveบางกลอย

ถึง ประสาน หวังรัตนปราณี สิ่งสำคัญคือ ผู้มี “อารยะ” ที่มี “วุฒิภาวะ” จะไม่ “หยามเหยียด”…

โพสต์โดย ภาคีSaveบางกลอย เมื่อ วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2021