ศบค. เผย 19 ปัจจัยเสี่ยงติดโควิด ในระลอกเดือนเมษายน

อภิสมัย-19 ปัจจัยเสี่ยงโควิด-1

ศบค. เผยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการติดเชื้อโควิดในระลอกเดือนเมษายน 19 ข้อ พบการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้ามากสุด 9,177 ราย

วันที่ 28 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวัน และได้เปิดเผยปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อโควิดในการระบาดระลอกเดือนเมษายน 2564 โดยเป็นการสรุปข้อมูลจากการสอบถามผู้ป่วย ทั้งสิ้น 19 ข้อ ที่พบได้อย่างชัดเจน ดังนี้

  1. การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ : ผู้ป่วยจำนวน 9,177 ราย
  2. สถานบันเทิง : ผู้ป่วยจำนวน 5,226 ราย
  3. การค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกและค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน : ผู้ป่วย 2,025 ราย
  4. ตลาดนัด/สถานที่ท่องเที่ยว : ผู้ป่วยจำนวน 1,336 ราย
  5. การสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลในสถานที่ทำงาน : ผู้ป่วยจำนวน 703 ราย
  6. ร้านอาหาร : ผู้ป่วยจำนวน 294 ราย
  7. ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ : ผู้ป่วยจำนวน 176 ราย
  8. การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้เดินทางมาจากจังหวัดที่มีการระบาด : ผู้ป่วยจำนวน 164 ราย
  9. งานประเพณีต่าง ๆ : ผู้ป่วยจำนวน 155 ราย
  10. งานแสดงสินค้า/คอนเสิร์ต : ผู้ป่วยจำนวน 148 ราย
  11. การทำงานในสถานที่แออัด หรือทำงานใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ : ผู้ป่วยจำนวน 111 ราย
  12. บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข : ผู้ป่วยจำนวน 76 ราย
  13. ต่อเนื่องจากคลัสเตอร์ สมุทรสาคร : ผู้ป่วยจำนวน 72 ราย
  14. งานอบรม/สัมมนา : ผู้ป่วยจำนวน 69 ราย
  15. ระบบขนส่งสาธารณะ : ผู้ป่วยจำนวน 68 ราย
  16. ศูนย์กักกัน ผู้ต้องกัก ผู้ต้องขัง : ผู้ป่วยจำนวน 54 ราย
  17. สถานที่ออกกำลังกาย/กีฬา : ผู้ป่วยจำนวน 47 ราย
  18. วัด/สถานปฏิบัติธรรม : ผู้ป่วยจำนวน 22 ราย
  19. ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ : ผู้ป่วยจำนวน 798 ราย

นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยบางส่วน ที่ไม่สามารถระบุปัจจัยเสี่ยงได้

“ตอนนี้อันดับที่หนึ่ง 44.3% คิดเป็น 9,177 ราย คือการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ หมายความว่า ผู้ป่วยไม่ได้มีการระมัดระวัง หรือว่ามีการแยกกักได้อย่างเหมาะสมทันท่วงที ก็เป็นเหตุให้ยังใช้ชีวิตใกล้ชิดกับบุคคล ตอนนี้ถึงได้มีการออกมาตรการมากมายในระยะนี้ ในแง่ของการเว้นระยะห่าง และขอความร่วมมือให้สวมใส่แมสก์ หรือว่าบางพื้นที่มีการกำหนดเป็นกฎหมาย” แพทย์หญิงอภิสมัย กล่าว