ศบค. ยกระดับคุมโควิด ทั่วราชอาณาจักร ลุ้นล็อกดาวน์ถึง 31 ส.ค.

กรุงเทพ ล็อกดาวน์
REUTERS/Athit Perawongmetha

ศบค.ล็อกดาวน์ต่อ 14 วัน อาจยืดเป็น 1 เดือน หากโควิด-19 ยังไม่ดีขึ้น ไฟเขียวร้านอาหารในห้างดีลิเวอรี่ได้ แต่ไม่เปิดให้เทคโฮม

วันที่ 1 สิงหาคม 2564 ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธานประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาการบังคับใช้มาตรการยกระดับควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปพิจารณายกระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยทั่วราชอาณาจักร วัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นการแพร่ระบาดและลดการเสียชีวิต และลดผู้ป่วยอาการหนัก โดยการปรับสีของพื้นที่ ดังนี้ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด

ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัดเดิม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา ยะลา สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร

16 จังหวัดใหม่ ได้แก่ กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง เพชรบุรี

ทั้งนี้ มาตรการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ประกอบด้วย เลี่ยง จำกัด หรืองดเว้นการเดินทางออกนอกเคหสถานหรือที่พำนัก โดยไม่จำเป็น ห้ามออกนอกเคหสถานเวลา 21.00-04.00 น. มาตรการทำงานที่บ้านถึงขั้นสูงสุด ถ้าเป็นไปได้ 100% งดให้บริการขนส่งข้ามเขตจังหวัด ให้ตั้งด่านสกัดระหว่างเขตจังหวัด (ตามมาตรการที่ราชการกำหนด) ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 5 คน

ร้านจำหน่ายอาหารห้ามบริโภคในร้าน ให้ขายแบบนำกลับไปบริโภคที่อื่น เปิดได้ไม่เกินเวลา 20.00 น. งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน ส่วนการขายอาหารในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าให้เปิดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มผ่านการให้บริการแบบดีลิเวอรี่ แต่ไม่สามารถเดินมาซื้อที่ร้านเพื่อ take home ได้ ส่วนร้านขายยา เวชภัณฑ์ ซูเปอร์มาเก็ต เปิดได้ไม่เกินเวลา 20.00 น.

ให้ปิดร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม สถานที่เล่นกีฬา หรือแข่งขันกีฬา และห้ามใช้อาคารสถานที่ของสถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา เพื่อจัดการเรียนการสอนกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก

พื้นที่ควบคุมสูงสุดจากเดิม 53 จังหวัด ปรับลดลง 37 จังหวัด กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครศรีธรรมมราช นครสวรรค์ บุรีรัมย์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก มหาสารคาม ยโสธร ระนอง ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนครสตูล สระแก้ว สุโขทัย สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุดรธานี อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ

พื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้ตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ หรือจุดสกัด เพื่อตรวจคัดกรองการเดินทาง ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 20 คน บริโภคอาหารในร้านอาหารได้ เปิดไม่เกินเวลา 23.00 น. และงดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า เปิดบริการได้ตามเวลาปกติ โดยจำกัดจำนวนคนและงดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ส่วนร้านเสริมสวย ร้านนวด

สถานเสริมความงาม เปิดบริการได้ตามปกติ และให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สำหรับสถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา เปิดได้ทุกประเภท ไม่เกินเวลา 21.00 น. จัดแข่งขันโดยจำกัดผู้ชม

ส่วนพื้นที่ควบคุมจาก 10 จังหวัด เพิ่มเป็น 11 จังหวัด ประกอบด้วย กระบี่ นครพนม น่าน บึงกาฬ พะเยา พังงา แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องอน สุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ ไม่จำกัดการเดินทาง ห้ามจัดกิจกรรม รวมคนมากกว่า 50 คน ร้านอาหารให้บริโภคในร้านได้และเปิดได้ตามปกติ ให้งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน

ศูนย์การค้าเปิดได้ตามปกติ ปิดส่วนเครื่องเกมส์ สวนสนุก ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม เปิดได้ตามปกติ ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนได้ ภายใต้มาตรการป้องกันโรคที่ราชการกำหนด และสถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา เปิดได้ตามเวลาปกติทุกประเภท จัดการแข่งขันโดยจำกัดผู้ชม

ทั้งนี้ ข้อกำหนดจะมีการบังคับใช้ วันที่ 3 สิงหาคม 64 หรือเที่ยงคืนของวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม 64 จากนั้นจะมีการประเมิน 2 สัปดาห์ คือวันที่ 18 สิงหาคม 64 จะมีการพิจารณาซ้ำ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นอาจยืดไปถึงวันที่ 31 สิงหาคม 64 อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเน้นย้ำเรื่องความเป็นห่วง ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอาจไม่ได้รับความสะดวกสบาย แต่ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกัน และรายละเอียดจะประกาศราชกิจจานุเบกษาโดยเร็วที่สุด อาจเป็นคืนนี้ (1 สิงหาคม)

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังพูดถึงการยกระดับการควบคุมโรคในสถานประกอบกิจการ ได้แก่ โรงงาน แคมป์แรงงาน บริษัท โดยใช้วิธีการ bubble and seal เป็นมาตรการควบคุมโรคในพื้นที่ เน้นใน 16 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม

ทั้งนี้การกำหนดเพื่อให้มีการควบคุมโรค เพื่อให้พิจารณาควบคุมโรค ไม่เฉพาะพื้นที่ โรงงาน หรือ แคมป์ที่มีการระบาดเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงบริษัท แคมป์คนงาน โรงงานทั้งที่ยังไม่มีการรายงานผู้ติดเชื้อ หรือยังไม่มีการระบาดด้วย

โดยหลักการ bubble and seal ย้ำเรื่องการ จัดกลุ่ม คุมไว ลดแพร่กระจายและรายได้ไม่สูญเสีย มีการตระหนักถึงสถานประกอบการที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยการออกมาตรการดังกล่าวมีการปรับให้มาตรการควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปพร้อมกันด้วย

มาตรการนี้ก่อนจะประกาศในครั้งนี้ได้หารือทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน มหาดไทย รวมถึงผู้ประกอบการ สภาหอการค้าในพื้นที่ มีความพยายามปรับมาตรการให้เป็นไปได้มากที่สุดเพื่อให้การปฏิบัติเป็นผล

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ส่วนการกระจายวัคซีน ได้รับมอบวัคซีน อุปกรณ์การแพทย์จากรัฐบาลต่างประเทศ ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกามีการส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์ 1,503,450 ล้านโดส สหราชอาณาจักร ได้ทำเรื่องเพื่อส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ให้กับไทยจำนวน 415,040 โดส ในต้นเดือนสิงหาคมนี้ สมาพันธรัฐสวิส มอบชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบเร่งด่วน 1.1 ล้านชุด และเครื่องช่วยหายใจ 102 เครื่อง ถึงเมื่อ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา และแอสตร้าเซนเนก้าจากญี่ปุ่น 1 ล้านโดส มาถึงเมื่อ 12 กรกฎาคม

ที่ประชุมมีการเน้นย้ำกระจายวัคซีนให้ครอบคลุม กทม. ปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดสูง เร่งรัดให้ได้ 50% ของประชาชนกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเสี่ยง สูงอายุ 7 กลุ่มโรค รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ โดยมหาดไทย และสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ ในการขับเคลื่อน

ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงเรื่อง การกระจายวัคซีนไฟเซอร์ให้บุคลากรทางการแพทย์ กระตุ้นภูมิเข็มที่ 3 กระทรวงสำรวจความต้องการทั้ง กทม. และทุกจังหวัดทั่วประเทศ มีความต้องการกระตุ้นภูมิเข็ม 3 อยู่ประมาณ 4 แสนกว่าโดส ในจำนวนนี้มีจำนวนหนึ่งได้รับแอสตร้าเซนเนก้าไปแล้ว 1 แสนโดส

อย่างไรก็ตามจะมีการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง ทั้งแพทย์ พยาบาล บุคลากรต่าง ๆ รวมทั้ง อสม. และไม่จำกัดเฉพาะแพทย์ที่เป็นผู้ดูแลระบบทางเดินหายใจ อายุรแพทย์ หรือแพทย์หู คอ จมูก เพราะบุคลากรทางการแพทย์เสี่ยงหมด ดังนั้น ยืนยันว่ากระจายอย่างครอบคลุมและเป็นธรรมแน่นอน