ลุงพล โดนอีกข้อหาหนัก “ฆ่าคนตายโดยเจตนา”

ลุงพล

สภ.กกตูม เตรียมเชิญตัว “ลุงพล” ผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่ มาแจ้ง “ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา” เพิ่ม

วันที่ 26 สิงหาคม 2564  ข่าวสดรายงานว่า นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่หายออกจากบ้านพักที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ก่อนจะพบว่าเสียชีวิตบนเขาภูเหล็กไฟ เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเข้าให้ปากคำพร้อมกับนางสมพร หรือ ป้าแต๋น พร้อมบุตรชาย 2 คน ที่อัยการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความเจ้าหน้าที่

รายงานล่าสุดระบุว่า สถานีตำรวจภูธรกกตูม เตรียมเชิญตัว นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ผู้ต้องหาคดีดังกล่าว มาแจ้ง “ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา” จากที่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีการแจ้งข้อหา ไปแล้ว 3 ข้อหา

พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า ตอนนี้คดีของนายไชย์พล อยู่ในขั้นตอนของพนักงานอัยการ เพื่อรอการสั่งฟ้องคดี หากมีการสอบสวนในประเด็นใด อัยการจะสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบสอบในประเด็นนั้นเพิ่มเติม ส่วนกรณีเตรียมตั้งข้อหาเจตนาฆ่ากับลุงพลนั้น พล.ต.ท.ยรรยง กล่าวว่า พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการพิจารณา

ขณะที่ พล.ต.ต. สรรธาน อินทรจักร์ ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร กล่าวว่า การตั้งข้อหาเจตนาฆ่ากับลุงพลนั้น ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งต้องรอพนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวน สอบสวนในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ส่วนจะเป็นประเด็นใดนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้

ด้าน นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้า ภายหลังพนักงานอัยการจังหวัดมุกดาได้รับสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ อายุ 3 ปี ที่มีการกล่าวหา นายไชย์พล หรือพล วิภา จำเลย ข้อหา พรากเด็กอายุไม่เกินสิบ15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากจากเหตุอันสมควรและทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปีเป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย ว่า

คดีนี้เป็นคดีสำคัญซึ่งสภาพคดีมีความยุ่งยากซับซ้อน และสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องและประชนทั่วประเทศให้ความสนใจติดตามความคืบหน้าคดีมาโดยตลอดดังนั้น นายเชาวลิต วงศานรเศรษฐ์ อธิบดีอัยการภาค 4 จึงได้เจ้ามาควบคุมดูแลการดำเนินคดีเองพร้อมกับมอบหมายให้นางปัญจพัฒน์ วรรณไพบูลย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ และนายภิรัตน์ ควรสนธิ อัยการอาวุโส จากสำนักงานคดีอาญาภาค 4 เข้าไปควบคุมการดำเนินคดีโดยใกล้ชิด

สำหรับการพิจารณาสำนวนคดีขณะนี้ คณะทำงานคดี ได้มีคำสั่งสอบเพิ่มในประเด็นสำคัญ แต่ยังไม่ได้รับผลสอบสวนเพิ่มเติมจากพนักงานสอบสวน ในวันนี้ (26 ส.ค.) ซึ่งเป็นวันครบขังที่ 7 และเป็นวันครบขังครั้งสุดท้าย พนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดีไม่สามารถมีคำสั่งทางคดีได้ เพราะต้องรอผลสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขอให้การยืนยันว่า แม้พนักงานอัยการซึ่งเป็นคณะทำงานยังมีคำสั่งคดีไม่ได้ในวันนี้ แต่ขอยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีความเสียหายใด ๆ เพราะขณะนี้ตัวนายไชย์พลผู้ต้องหาในคดีนี้ อยู่ในความควบคุมของศาลจังหวัดมุกดาหารแล้ว ก่อนหน้านี้อัยการฟ้องไปแล้ว 3 คดี ดังนั้นหากพนักงานอัยการสั่งฟ้องคดีนี้ ก็สามารถยื่นฟ้องนายไชย์พล ต่อศาลได้เลยโดยไม่ต้องส่งตัวนายไชย์พลไปพร้อมคำฟ้อง เพราะศาลสามารถเบิกตัวมาจาก 3 คดีที่ฟ้องไปแล้วได้ทันที

ทั้งนี้ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีการแจ้ง 3 ข้อหา คือ 1. พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร 2. ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย 3. กระทำการใด ๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป