ประยุทธ์ ถกศบค.ชุดใหญ่ ปรับโซนพื้นที่สีใหม่ ผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมเพิ่ม

พล.อ.ประยทธุ์ จันทร์โอชา
พล.อ.ประยทธุ์ จันทร์โอชา

ศบค.ชุดใหญ่ถกวันนี้ ผ่อนคลายกิจการกิจกรรม ปรับโซนพื้นที่สีใหม่ ให้ทำกิจกรรมได้มากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวที่ตัวเลขการระบาดของโควิดไม่รุนแรง สามารถควบคุมได้ หวังให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไป ส่วนการเปิดสถานบันเทิงคาดต้องเลื่อนออกไป

วันที่ 20 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธุ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.จะมีการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาลเพื่อผ่อนคลายมาตรการ กิจการ กิจกรรมเพิ่มเติม ปรับพื้นที่โซนสีใหม่ หลังจากที่มีการลงพื้นที่เก็บข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขก่อนหน้า พบว่ามีหลายพื้นที่ที่การระบาดของโควิด โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอนไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงมาก มีความจำเป็นต้องผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมเพิ่ม เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อไปได้

โดยเมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ผอ.ศปก.ศบค.) กล่าวว่า ศบค.ชุดใหญ่ประชุมวันที่ 20 มกราคม เพื่อสรุปและประเมินสถานการณ์ หลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่

ประเด็นที่สองจะพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ เนื่องจากเลขตัวเลขผู้ติดเชื้อทรงตัว และระบบรักษาพยาบาลที่จะรองรับก็เข้าที่เข้าทางมากขึ้น จึงจะประเมินว่าจะผ่อนคลายปรับระดับพื้นที่สีของแต่ละจังหวัดอย่างไร เพื่อให้ประชาชนมีความคล่องตัวมากขึ้น

โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า ผอ.ศบค. สั่งการว่าตั้งแต่หลังปีใหม่ให้เร่งประเมินข้อมูลเพื่อพิจารณาผ่อนคลายในส่วนที่สามารถทำได้ เพราะห่วงใยประชาชนที่จะประกอบอาชีพ และให้คนมีงานทำ พร้อมให้ระบบเศรษฐกิจได้ขับเคลื่อน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวจะเป็นหลักในการนำเม็ดเงินเข้าประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

“วันนี้จะดูในรายละเอียดเหล่านี้ว่ามีจุดอ่อนตรงไหนและจะต้องปรับในเรื่องของข้อมูลข่าวสารตรงไหนบ้าง รวมถึงระบบควบคุมผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศให้รัดกุมมากขึ้น” พล.อ.สุพจน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมจะมีการพิจารณาการปรับระดับพื้นที่จากเดิมอยู่ในระดับสีส้มมี 69 จังหวัด และสีฟ้า 8 จังหวัด และ 18 จังหวัดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวบางพื้นที่ ซึ่งจะมีการปรับลดความเข้มข้นของมาตรการ โดยจะมีการปรับพื้นที่จากสีส้มเดิมเป็นสีเหลือง จำนวน 20 กว่าจังหวัด ขณะที่พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว หรือพื้นที่สีฟ้า จะยังไม่มีการปรับเพิ่มเติมแต่อย่างใด รวมถึงการเพิ่มจังหวัดทำพื้นที่แซนด์บ็อกซ์เพิ่มเติมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่จะเข้ามาเพิ่มเติม

ส่วนสถานบันเทิง ผับ-บาร์ คาราโอเกะที่ประชุมอาจมีการเลื่อนการเปิดดำเนินกิจกรรมออกไปก่อน หลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาเกิดการแพร่ระบาดหลายคลัสเตอร์ หลายจังหวัด ขณะที่ร้านอาหารที่มีการปรับรูปแบบมาจากสถานบันเทิง จะต้องมีการมาตรการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น

วันเดียวกัน แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาล (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า วันนี้ (20 ม.ค.) จะมีการประชุมของศบค.ชุดใหญ่ มีหลายประเด็นที่จะมีการหารือร่วมกัน โดยเฉพาะการประกาศเรื่องของพื้นที่สี เรื่องของการประกาศมาตรการผ่อนคลายในบางพื้นที่ ในบางกิจการ กิจกรรม เพื่อกระตุ้นภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว

ผู้ช่วยโฆษกของศบค.กล่าวว่า ในแง่การพิจาณาเรื่องการผ่อนคลายมาตรการกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ดูเฉพาะตัวเลขผู้ติดเชื้ออย่างเดียว เรามีการดูระบบสาธารณสุขในพื้นที่จังหวัดนั้น ๆ ด้วยว่าจะสามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ รวมถึงการลงพื้นที่ไปดูปัจจัยเสี่ยงและแก้ให้ตรงจุด เป็นการดูหลาย ๆ องค์ประกอบและทุกๆมิติร่วมกัน

นอกจากนี้ยังมี 18 จังหวัดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวที่กระทรวงสาธารณสุขนำมาทำเป็นกราฟ เช่น เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ อุดรธานี ระยอง จันทบุรี ตราด หนองคาย โดยรวม 18 จังหวัดนี้ทิศทางที่กระทรวงสาธารณสุขมีการเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด สถานการณ์ยังเป็นไปในทิศทางที่ทรง ๆ ไม่ได้สูงขึ้น ซึ่งเป็นข้อมูลนำเข้าที่ประชุมที่จะมีการพิจารณาว่าจะมีการผ่อนคลายอย่างไรต่อไป

ส่วนเรื่องสถานบันเทิง จากการลงพื้นที่สำรวจโดยละเอียดพบว่า มีสถานบันเทิง 21 แห่ง ในหลายจังหวัดที่พบการติดเชื้อและมีการรายงานไปที่กระทรวงสาธารณสุข ในจำนวนมี 7 ร้านด้วยกันเป็นสถานบันเทิงที่เปิดโดยมี covid free setting ผ่านการประเมินโดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแล้ว แต่ว่ามีการย่อหย่อนมาตรการ ไม่มีการติดตามอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ขึ้น

นอกจากนี้ยังมีอีก 14 ร้าน เปิดโดยไม่มีการขออนุญาต เช่นที่เชียงใหม่ ขอนแก่น พะเยา ชลบุรี บุรีรัมย์ อุบลราชธานี อุดรธานี มหาสารคาม หรือถือได้ว่าเป็นการเปิดโดยน่าจะผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้ทำในเรื่องขอมาตรการ covid free setting

“บางร้านไม่สามารถแสดงการฉีดวัคซีนของพนักงานได้เลย รวมทั้งไม่ได้มีการตรวจ ATK พนักงานทุก ๆ 7 วันอย่างที่สาธารณสุขกำหนด และมีบางร้านพนักงานมีความเสี่ยงสูงก็ยังมาปฏิบัติงาน มาที่ทำงาน มาที่ร้าน และสิ่งสำคัญมีเกือบทุกร้านเลยคือ ไม่มีผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับคนที่จะดูแลเรื่องการเฝ้าระวังการติดเชื้อในร้าน คือไม่มีเจ้าภาพนั่นเอง” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับวาระสำคัญที่จะประชุมในวันนี้ ประกอบด้วย

วาระที่ 4 จะมีเรื่องเพื่อพิจารณาทั้งหมด 4 เรื่อง ได้แก่

  • การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร และมาตรการป้องกันควบคุมโรค (ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 / สธ.)
  • การปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร (ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา / ศปก.กก.)
  • แผนการให้บริการวัคซีนเดือนกุมภาพันธ์ 2565 (ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 (สธ.), ศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศ และการดูแลคนไทยในต่างประเทศ (กต.)
  • การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 16) (ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19/สมช.)

ส่วนในวาระที่ 5 ซึ่งเป็นเรื่องอื่น ๆ ประกอบด้วย 3 เรื่อง ดังนี้

1.ประกาศและคำสั่งที่เกี่ยวข้อง

  • ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 41)
  • คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 1/2565 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
  • คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 2/2565 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 21)

2.การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 (ศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง)

3.รายงานผลการดำเนินงาน ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะของสำนักงานและศูนย์ปฏิบัติการด้านต่าง ๆ