สธ.ยืนยันหลัง 1 มี.ค. ผู้ป่วยโควิดทุกราย ยังรักษาฟรีทุกที่ตามสิทธิ UCEP เดิม

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
FILE PHOTO

สธ.ยืนยันหลัง 1 มี.ค.ผู้ป่วยโควิดทุกรายยังรักษาฟรีทุกที่ตามสิทธิ UCEP เดิม พร้อมย้ำความเชื่อมั่น ฮอสพิเทล 200 แห่งรวม 3.6 หมื่นเตียงยังเพียงพอ

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ณ ตอนนี้ ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ยังสามารถใช้สิทธิ UCEP ได้เหมือนเดิม เนื่องจาก ครม.ได้ให้ สธ.ทบทวนกระบวนการปรับระบบ การติดต่อรักษา และทำความเข้าใจกับประชาชนใหม่เกี่ยวกับการปรับไปใช้สิทธิ์ UCEP Plus อีกครั้ง ซึ่งกระทรวงจะประกาศกรอบเวลาในการทบทวนอีกครั้ง

“ตอนนี้กลไก UCEP ยังครอบคลุมผู้ป่วยโควิด-19 อยู่ ดังนั้นโรงพยาบาลเอกชนไม่สามารถปฏิเสธการรักษาหรือเรียกเก็บเงินมัดจำได้ และหากโรงพยาบาลไม่มีศักยภาพในการรักษาต้องดำเนินการส่งต่อ”

พร้อมกันนี้ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ยังย้ำว่า ฮอสพิเทลยังสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยได้ ด้วยจำนวนฮอสพิเทล 200 แห่ง มีเตียงรวมกันประมาณ 36,000 เตียง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ซึ่งเดิมมีอัตราเข้าพักประมาณ 30% อีกทั้งยังมีการเปิดเพิ่มอีก 2-3 แห่งแล้ว

ด้านการรับมือจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นนั้น นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. กล่าวว่า ได้สั่งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่สายด่วน 1330 อีก 50 คน หลังเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ มีสายโทร.เข้า 49,005 สาย และมีการรอสายประมาณ 50 สาย

พร้อมแนะนำช่องทางติดต่อต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อเป็นทางเลือกหากต้องรอสายทาง 1330 นานเกินไป อาทิ Line @nhso ซึ่งจะมีฟังก์ชั่นติดต่อเจ้าหน้าที่ หรือส่งข้อความถึงเจ้าหน้าที่เช่นกัน

ขณะเดียวกันเตรียมกระจายชุดตรวจ ATK ให้กลุ่มเสี่ยงผ่านร้านขายยา รวมถึงประชาชนกลุ่มเสี่ยงสามารถคัดกรองโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ทุกที่ ไม่จำกัดเฉพาะจุดที่ลงทะเบียนไว้ และในกรณีที่ผลตรวจเป็นบวก แต่ไม่สามารถติดต่อจุดบริการได้ ให้ติดต่อผ่านสายด่วน 1330, Line @nhso และเว็บไซต์ www.nhso.go.th พร้อมให้ข้อมูลผลตรวจและเบอร์ติดต่อไว้ เจ้าหน้าที่จะประสานงานให้ภายใน 6 ชั่วโมง

ไปในทิศทางเดียวกับ นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ที่เสริมว่า หากผู้ป่วยอาการทรุดลงระหว่างรอการติดต่อจาก 1330 หรือหน่วยบริการ แนะนำให้ติดต่อไปยังสายด่วน 1669 ได้อีกทางหนึ่งซึ่งศูนย์จะพิจารณาส่งรถไปรับผู้ป่วยเพื่อนำส่งสถานพยาบาลตามคำแนะนำของ สปสช.ต่อไป

ขณะเดียวกันสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติได้สั่งเตรียมระดมทรัพยากร สำหรับรับสถานการณ์หากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นจนเกินความสามารถของ กทม.แล้ว