ศบค.เปิดชื่อ 10 เขต กทม.ติดโควิดสูงสุด โรงเรียนเจอหนัก 18 คลัสเตอร์

แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์

ศบค.เปิดชื่อ 10 เขต กทม.ติดเชื้อโควิดมากสุด “หลักสี่-จอมทอง-ห้วยขวาง” นำโด่ง แถมพบคลัสเตอร์โรงเรียนมากสุดถึง 18 คลัสเตอร์ และคลัสเตอร์ร้านอาหารยังเจอต่อเนื่อง ห่วง “นนทบุรี-นครปฐม” ยอดป่วยใหม่เพิ่ม แต่ตัวเลขฉีดวัคซีนน้อย ชี้อัตราครองเตียงส่วนใหญ่ 98% เป็นผู้ป่วยสีเขียว แนะให้กักตัวที่บ้าน-ชุมชน ชมสถานประกอบการ โรงงาน ยอดป่วยลดลงเยอะ

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาล (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก วันนี้มียอดผู้ติดเชื้อรวม 435,984,567 ราย อาการรุนแรง 75,668 ราย รักษาหายแล้ว 366,327,922 ราย และเสียชีวิต 5,967,986 ราย

อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 80,567,757 ราย 2.อินเดีย จำนวน 42,924,102 ราย 3. บราซิล จำนวน 28,768,104 ราย 4.ฝรั่งเศส จำนวน 22,689,332 ราย 5.สหราชอาณาจักร จำนวน 18,804,765 ราย โดยประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 33 ของโลกจำนวน 2,891,927 ราย

ประเทศในเอเชียยอดติดเชื้อใหม่ยังพุ่ง

แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าวต่อว่า ล่าสุดจะมีมีการรรายงานที่แตกต่างเป็นรายสัปดาห์ เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น โดยจะมีการรรายงาน 20 อันดับประเทศที่ติดเชื้อสูง 20 อันดับแรก โดยกลุ่มประเทศในยุโรปยังติดอันดับหลายประเทศ โอยอันดับ 1 เป็นเยอรมนี ตัวเลขผู้ติดเชื้อในรอบ 7 วันที่ผ่านมาสูงถึง 1.12 ล้านราย

รองลงมาเป็นเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านราย เช่นกัน รัสเซีย 920,697 ราย บราซิล 559,892 ราย ตุรกี 520,696 ราย เวียดนาม 480,685 ราย ญี่ปุ่น 473,461 ราย ฝรั่งเศส 402,503 ราย สหรัฐอเมริกา 395,713 ราย และอันดับ 10 เป็น อินโดนีเซีย 341,889 ราย

“ทุกๆท่านที่ติดตามสถานการณ์ของโลกจะเห็นว่ากลุ่มประเทศเหล่านี้มีการผ่อนคลายมาตรการในช่วงเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะเห็นว่าแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในรอบ 7 วันจะเพิ่มขึ้นเกินแสนราย แต่ว่ายอดผู้เสียชีวิตไม่ได้มีเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นมาก ขณะที่ประเทศในแถบเอเชียอย่างเกาหลีใต้ ตัวเลขในรอบ 7 วันอยู่อันดับ 2 เพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านราย” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว และว่า

สำหรับประเทศไทยตัวเลขสะสม 7 วันย้อนหลัง อยู่ในอันดับที่ 19 ของโลก มียอดสะสม 157,301 ราย โดยสถานการณ์ในประเทศไทยการตรวจแบบ CPR มีผู้ป่วยรายใหม่ 22,311 ราย ถ้าบวกกับ ATK ที่เป็นบวกอีก 21,497 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 668,492 ราย หายป่วยแล้ว 486,855 ราย เสียชีวิตสะสม 1,235 ราย วันนี้มีผู้เสียชีวิต 42 คน

ส่วนข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2563 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,891,927 ราย หายป่วยแล้ว 2,655,349 ราย เสียชีวิตสะสม 22,933 ราย โดยวันนี้มีผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่จำนวน 213,645 ราย มีผู้ป่วยอาการหนัก 980 ราย และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 280 ราย

ชี้ผู้ป่วยครองเตียงในรพ. 98% เป็นผู้ป่วยสีเขียว

“ในจำนวนผู้ป่วยที่รักษาตัว 213,645 ราย เป็นผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 83,479 ราย โดยข้อมูลที่โรงพยาบาลรายงานมาที่กรมควบคุมโรคและกรมการแพทย์พบว่าส่วนใหญ่มีอาการเพียงเล็กน้อย หรือไม่พบปัจจัยเสี่ยง ถือว่าเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวมากถึง 82,499 ราย คิดเป็นผู้ป่วยที่ครองเตียงในโรงพยาบาล 98%

สะท้อนให้เห็นว่าการติดเชื้อในตอนนี้ซึ่งก็สอดคล้องกับที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รายงานว่า เกือบ 100 % เป็นการรรายงานสายพันธุ์โอมิครอน และเกิน 90% ผู้ป่วยจะมีอาการในระดับสีเขียว ดังนั้นผู้ที่มีอาการเล็กน้อยขอให้เข้ารักษาตัวในระบบ Home Isolation หรือ Community Isolation เพื่อสงวนเตียงให้กับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง”

สำหรับผู้มารับวัคซีน ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 มีผู้รับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 21,180 รายเข็มที่ 2 จำนวน 11,360 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 73,800 ราย และระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 – 27 กุมภาพันธ์ 2565 มีผู้รับวัคซีน สะสมทั้งหมด จำนวน 123,568,670 โดส

  • จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 53,537,245 ราย
  • จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 49,718,639 ราย
  • จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 20,312,786 ราย

ยันไม่มีล็อกดาวน์อีกต่อไป

แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าวว่า ข่าวที่มีการนำเสนอก่อนหน้านี้ อาจจะโดยนักวิชาการที่มีการคาดการณ์ตัวเลข เช่นตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มจาก 3 หมื่นราย เป็น 4 หมื่นราย หรือเป็น 6 หมื่นรายต่อวัน อาจจะทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความไม่สบายใจ ก็ต้องขอเน้นย้ำว่ากระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานทุกส่วน รวมทั้งศบค.มีการติดตามสถานการณ์ทั้งสถานการณ์โลก สถานการณ์เพื่อนบ้าน และสถานการณ์รายวันในบ้านเราอย่างใกล้ชิด

“เราไม่ได้พูดถึงเฉพาะตัวเลข แต่มีการเตือนภัยให้กับประชาชน มีคำแนะนำ มีแผนเผชิญเหตุด้วย มีการปรับระดับเตือนภัยระดับ 4 งดเข้าไปในสถานที่เสี่ยง หลีกเลี่ยงเลี่ยงเข้าไปในสถานที่ที่แออัด รวมถึงชะลอเรื่องการเดินทาง เป็นต้น” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว

อย่างไรก็ตามการเดินทางไปมาหาสู่กันยังมีความจำเป็น รวมถึงการทำกิจการ กิจกรรม ซึ่งเราไม่สามารถที่จะล็อกดาวน์ได้อีกต่อไป แต่เราก็ต้องปรับตัวเข้ากับวิถีใหม่ สามารถที่จะอยูู่กับโรคได้อย่างปลอดภัย ซึ่งในเร็วๆนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขมีแผนรับมือในการบริหาร แนวทางในการกำหนดให้โรคนี้เป็นโรคประจำถิ่นในระยะต่อไป ซึ่งทางปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้นำเสนอต่อ ศบค.ไว้แล้ว

ระบุผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีน

สำหรับผู้เสียชีวิต 42 รายในวันนี้มีผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว เป็นโรคมะเร็ง 6 ราย ภาวะอ้วน 4 ราย โรคไต 11 ราย เป็นผู้ป่วยติดเตียง 1 ราย และปัจจัยเสี่ยงเป็นการติดจากคนรู้จักและคนในครอบครัว รวมทั้งเป็นผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ในที่ระบาด

และในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยในกทม. 9 ราย ซึ่ง 3 ราย มีประวัติไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว และทั้งประเทศในผู้เสียชีวิต 42 ราย เป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลยมีถึง 26 ราย คิดเป็น 62% และมีอีกส่วนหนึ่งได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเข็มบูสเตอร์มีมากถึง 38% ซึ่งการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ตัวเลขยังค่อนข้างต่ำก็ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนไปรับวัคซีนเข็ม 3 กันด้วย

ห่วง “นนทบุรี-นครปฐม” ยอดติดเชื้อใหม่เพิ่ม-ฉีดวัคซีนน้อย

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันนี้ อันดับ 1.เป็นกรุงเทพมหานคร 2,779 ราย รวมสะสม 98,982 ราย รองลงมาเป็นชลบุรี 1,275 ราย นนทบุรี 1,095 ราย สมุทรปราการ 1,068 ราย นครศรีธรรมราช 957 ราย นครราชสีมา 717 ราย ภูเก็ต 652 ราย นครปฐม 605 ราย สมุทรสาคร 585 ราย และปทุมธานี 577 ราย

“นนทบุรีวันนี้รายงานผู้ติดเชื้อขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ซึ่งศบค.มีความเป็นห่วง เพราะในตัวเลขของนนทบุรียังมีประชากรที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลย รวมทั้งการฉีดเข็ม 3 ค่อนข้างต่ำ เช่นเดียวกับนครปฐมที่มีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง แต่พี่น้องประชาชนมีอัตราการรับวัคซีนค่อนข้างต่ำ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกันด้วย”

แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าวต่อว่า ถ้าดูทิศทางตามกราฟ จังหวัดที่ติดเชื้อสูงๆจะไปอยู่ที่จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว รวมถึง 18 จังหวัดที่มีพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ซึ่งก็จะสะท้อนให้เห็นว่ามีการเปิดกิจการ กิจกรรม มีการรวมกลุ่ม จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้มีการติดเชื้อค่อนข้างสูง  หลายจังหวัดเริ่มปักหัวลง ซึ่งรวมถึงกทม.ทิศทางเริ่มปักหัวลงในสัปดาห์นี้ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ ยังคงต้องติดตามกันต่อไป

คลัสเตอร์ใหม่ยังเจอต่อเนื่อง ร้านอาหารมากสุด

ส่วนคลัสเตอร์ที่รายงานในศบค.วันนี้ ร้านอาหารก็ยังมีเป็นอันดับ1 ทั้งที่มหาสารคาม ขอนแก่น สงขลา มีการติดเชื้อซ้ำหลายครั้ง กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ Health Care Worker วันนี้มีรายงานที่รพ.พญาไท ศรีราชา จ.ชลบุรี ส่วนที่ปัตตานีเป็นค่ายอิงคยุทธบริหาร

ทั้งนี้การติดเชื้อในกลุ่ม Health Care Worker ส่วนใหญ่พบว่าเป็นการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์มาจากบ้านและนำมาแพร่ในโรงพยาบาล ซึ่งก็ทำให้การดุแลรักษาผู้ป่วยต้องหยุดชะงักไปด้วย เพราะต้องมีการกักตัวบุคลากรทางการแพทย์เหล่านี้

นอกจากนี้ยังมีคลัสเตอร์โรงเรียน พบที่ร้อยเอ็ด เป็นโรงเรียนกีฬา สกลนคร ที่วาริชภูมิ หลายโรงเรียน ตลาดมีตลาดโพธิ์ทอง ร้อยเอ็ด หนองบัวลำภู พิธีกรรมทางศาสนาที่อำนาจเจริญ สระแก้ว กาฬสินธุ์ สกลนคร เลย ศรีสะเกษ เป็นงานศพ

“สิ่งที่ศบค.ขอชื่นชมคือคลัสเตอร์สถานประกอบการ โรงงาน ที่จำนวนผู้ป่วยลดลงอย่างต่อเนื่อง คงต้องขอบคุณกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม ทำให้พบคลัสเตอร์พวกนี้ค่อนข้างน้อย”แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว

10 เขตกทม.ติดเชื้อสูงสุด “โรงเรียน” เจอถึง 18 คลัสเตอร์

ส่วนกทม.ที่มีการรรายงานตัวเลขวันนี้ 2,779 ราย หลักๆที่มีการติดเชื้อสูงจะอยู่ที่เขตหลักสี่ 345 ราย รองลงมาเป็นจอมทอง 305 ราย ห้วยขวาง 285 ราย บางซื่อ 166 ราย หนองแขม 74 ราย บางแค 69 ราย ประเวศ 63 ราย สายไหม 62 ราย ทุ่งครุ 60 ราย และราษฎร์บูรณะ 57 ราย

“คลัสเตอร์สูงสุดวันนี้ของกทม.เป็นโรงเรียนมีรายงานมากถึง 18 คลัสเตอร์ ซึ่งกทม.ได้รายงานศักยภาพการดูแลผู้ป่วยตอนนี้มีการเปิดศูนย์พักคอยในชุมชน หรือ Community Isolation(CI) เพิ่มขึ้น วันนี้มีรายงาน CI จำนวน 31 แห่ง และอยู่ระหว่างเตรียมเปิดอีก 9 แห่ง จะสามารถเพิ่มเตียงได้อีก 970 เตียง” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว


นอกจากนี้ยังมีการรรายงานสถานการณ์ในยูเครนโดยกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีคนไทยที่ติดค้างและต้องการความช่วยเหลือเดินทางกลับบ้านประมาณ 250-260 คน ซึ่งสถานทูตประเทศใกล้เคียงมีการประสานงานติดต่อเคลื่อนย้ายคนไทยกลับบ้านโดยเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้าประเทศในระบบ Test & Go รวมถึงการเฝ้าระวังโรคติดต่อในรายละเอียดด้วย เพื่อช่วยเหลือให้คนไทยกลับบ้าน