หมอธีระวัฒน์ชี้ แม้ฉีดวัคซีน 5 เข็ม ป้องกันโควิดได้เพียงประมาณ 2 เดือน

หมอธีระวัฒน์ชี้ แม้ฉีดวัคซีน 5 เข็ม ป้องกันโควิดได้เพียงประมาณ 2 เดือน

หมอธีระวัฒน์ชี้ฉีดวัคซีนถึง 5 เข็ม แต่ป้องกันโควิดได้เพียงประมาณ 2 เดือน สามารถติดเชื้อได้ไหม่ แม้ว่าภูมิจากการติดเชื้อจะดีกว่าที่ได้จากวัคซีนก็ตาม

วันที่ 29 มีนาคม 2565 นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง สถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน ระบุว่า โควิดปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นสายหลัก สายย่อย หรือที่เกิดควบเป็นสายรวมไป

1- วัคซีนที่ฉีดไม่ว่าจะเป็นเข็ม 3 เข็ม 4 ถึง 5 ก็ตาม จะป้องกันการติดเชื้อได้ไม่นานนัก อยู่เพียงประมาณสองเดือน

2- คนที่เคยติดเชื้อมาก่อนในปีนี้ สามารถติดเชื้อได้ไหม่ แม้ว่าภูมิจากการติดเชื้อจะดีกว่าที่ได้จากวัคซีนก็ตาม ดังนั้น จะเริ่มเห็นว่าติดใหม่ได้ภายในหนึ่งหรือสองเดือนเป็นต้นไป

3- เมื่อได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือมีการติดเชื้อไปแล้ว ห้ามทะนงตัวว่าจะป้องกันอาการหนักหรือตายได้ 100%

4- ทั้งนี้เนื่องจากไวรัสมีการปรับเปลี่ยนรหัสพันธุกรรมอย่างเก่ง และมีประสิทธิภาพมาก จนกระทั่งภูมิทั้งหลายที่มี จดจำไวรัสได้ แต่อาจไม่ทำอะไร และมิหนำซ้ำก่อให้เกิดอันตรายมากขึ้น โดยการสร้างการอักเสบอย่างรุนแรง แต่ไม่ได้เกิดทุกคน แต่เป็นที่จับตามองในหลายพื้นที่ทั้งประเทศที่ฉีดวัคซีนเต็มที่แล้วแต่อาการหนักและอัตราเสียชีวิตเป็นสัดส่วนที่มากเกินไปสำหรับโอมิครอน

5- โควิด 2565 นี้พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อเนื่อง (post acute sequelae) หลังจากที่ไม่สามารถตรวจหาเชื้อเจอได้จากการแยงจมูก ลำคอหรือน้ำลาย

6- ผลกระทบต่อเนื่องนี้ เห็นได้ตั้งแต่ระยะที่หายใหม่ ๆ หรือผ่านไประยะหนึ่งและจึงเกิดขึ้นไป ต่อเนื่องเป็นเดือน (long COVID)

7- ผลกระทบนี้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่หัวจดเท้าและอวัยวะภายใน ทั้งผมร่วง ผื่นขึ้น ปวดข้อ กล้ามเนื้อ เหนื่อยล้า คิดช้า หดหู่ ซึมเศร้า ความจำสั้น สมาธิไม่มี หัวใจผิดปกติ การทำงานของไต ตับไม่ปกติรวมทั้งตับอ่อน เกิดเบาหวานปะทุ

8- ทั้งนี้เกิดจากการอักเสบที่เกิดขึ้น หมุนวนในร่างกายรวมกระทั่งถึงในสมอง ซึ่งนอกจากทำให้สมองแปรปรวนยังทำให้เกิดการสั่งงานจากสมองลงมายังอวัยวะต่าง ๆ ผิดปกติ รวมถึงระบบประสาทอัตโนมัติ

9- ถ้าอาการรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆและไม่สงบเอง จำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ว่ายังมีการอักเสบในระดับรุนแรง แต่การตรวจ hs CRP (High sensitivity CRP) อาจไม่เพียงพอ และต้องตรวจควบรวมถึงผลที่เกิดจากภูมิในระบบต่าง ๆ ที่เกิดการอักเสบและที่ต่อสู้กับการอักเสบพร้อมกัน (proinflammatory-antiinflammatory)

ทั้งหมดนี้ทำให้ต้องยังคงมีการระวังตัว โดยเฉพาะเมื่อหยุดยาว ถ้ามีการรวมกลุ่มพยายามอยู่ในสถานที่ที่โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวกและยังคงใส่หน้ากาก ล้างมืออย่างเคร่งครัด เพื่อให้ชีวิตเดินอยู่ได้และเศรษฐกิจไม่สะดุด