สธ.ห่วง 20 จังหวัดฉีดเข็มกระตุ้นน้อย หวั่นกระทบแผนโรคประจำถิ่น

นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค

กรมควบคุมโรค เผย 20 จังหวัดยังฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นได้น้อย เทียบจำนวนประชากรในพื้นที่ เร่งกระจายวัคซีนไปยัง รพ.สต. ให้ประชาชนวอล์กอินฉีดวัคซีน ย้ำทุกจังหวัดช่วยประชาสัมพันธ์ เตรียมพร้อมเข้าสู่โรคประจำถิ่น

วันที่ 4 มิถุนายน 2565 นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด-19 จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิต ลดลงอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมอยู่ในช่วงระยะขาลงทั้งประเทศ มาตรการต่าง ๆ เริ่มผ่อนปรนลงมา เช่น การเปิดสถานบันเทิงใน 31 จังหวัดที่ผ่านเกณฑ์บริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ได้ดี ซึ่งการเปลี่ยนผ่านโรคโควิด-19 ไปสู่โรคประจำถิ่นนั้น

หนึ่งในมาตรการที่สำคัญ คือ ประชาชนได้รับวัคซีนทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้นครอบคลุมทุกกลุ่ม (Universal Vaccination) โดยแต่ละจังหวัดต้องมีความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60 เพราะปัจจุบันมีข้อมูลวิจัยจากต่างประเทศและจากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ไทยพบว่า เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว 4-6 เดือนภูมิคุ้มกันจะลดลงต้องฉีดเข็มกระตุ้นจึงจะสามารถป้องกันการติดเชื้อ การป่วยหนักและเสียชีวิตได้ดี

ห่วง 20 จังหวัด ยอดฉีดเข็มกระตุ้นน้อย

แต่จากข้อมูลวันที่ 2 มิถุนายน 2565 มีผู้ที่ครบกำหนดฉีดเข็มกระตุ้นมารับการฉีดประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้น โดยพบว่า 20 จังหวัดที่ประชาชนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นได้น้อยเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรที่ถึงกำหนดรับเข็มกระตุ้นแล้ว ได้แก่ นราธิวาส, ปัตตานี, สตูล, ยะลา, บึงกาฬ, สกลนคร, หนองบัวลำภู, นครศรีธรรมราช, ชุมพร, กระบี่, พัทลุง, ตรัง, เลย, กาฬสินธุ์, แม่ฮ่องสอน, สระแก้ว, หนองคาย, มุกดาหาร, สุราษฎร์ธานี และจันทบุรี จึงต้องเร่งสื่อสาร เชิญชวนประชาชนให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้นเพียงพอ รองรับการเปิดประเทศและใช้ชีวิตได้เป็นปกติและมีความปลอดภัยมากขึ้น

กระจาย 3 วัคซีน ให้ รพ.สต.

ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีแผนจัดส่งวัคซีนโควิด-19 ทั้งซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ไปยัง รพ.สต. ซึ่งเป็นหน่วยบริการที่ใกล้บ้านที่สุด เพื่อให้เกิดความสะดวกกับประชาชนที่อยู่ห่างไกลสามารถพาผู้สูงอายุและผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงไปฉีดวัคซีนกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน และให้บริการแบบ walk in ทุกจุดฉีด

นอกจากนี้ รพ.สต.หลายแห่งยังร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกสำรวจประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และจัดวัคซีนไปบริการเชิงรุกถึงบ้าน กระทรวงสาธารณสุขและ สปสช.สนับสนุนทั้งอุปกรณ์ และค่าบริการฉีดวัคซีนให้กับ รพ.สต.


“ถึงเวลาแล้ว ที่ทุกภาคส่วนและประชาชนต้องร่วมมือกันในช่วงเวลาที่สำคัญเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 ให้เพียงพอ โดยมีวัคซีนเข็มกระตุ้นครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 60 หากไม่ช่วยกันระดมกำลังและจัดวัคซีนไว้พร้อมบริการในทุกพื้นที่ อาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการเปลี่ยนผ่านโรคโควิด-19 ไปสู่โรคประจำถิ่นได้ จึงขอให้ทุกจังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ถึงประโยชน์และความจำเป็นของวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเข้าสู่ระยะโรคประจำถิ่น ซึ่งผู้คนจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและปลอดภัย” นพ.โสภณ กล่าว