ผู้ว่าฯ ชัชชาติ จับมือเครือข่ายคนพิการ ดัน กทม. เป็นเมืองคุณภาพสำหรับทุกคน

ผู้ว่าฯชัชชาติจับมือเครือข่ายคนพิการ ผลักดันกรุงเทพฯให้เป็นเมืองที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน

วันที่ 7 มิถุนายน 2565 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหารือการขับเคลื่อนงานด้านคนพิการของกรุงเทพมหานคร ร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ องค์กรคนพิการ 7 ประเภท สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย

สมาคมเพื่อผู้ปกครองทางจิตแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย) สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยมีนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภาณุมาศ สุขอัมพร ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ

ในการประชุมหารือวันนี้กรุงเทพมหานครได้รับฟังข้อเสนอจากเครือข่ายคนพิการเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการผลักดันการพัฒนากรุงเทพฯให้เป็นเมืองสำหรับทุกคน แบ่งออกเป็นด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย

ด้านอาชีพคนพิการ เสนอให้มีการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเพิ่ม 800 อัตราใน กทม. ภายใน 2 ปี การส่งเสริมแสดงความสามารถคนพิการ ดนตรีในสวน ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการ การจัดอบรมฝึกอาชีพ เพิ่มหลักสูตรทักษะเทคโนโลยีดิจิทัล การจัดหาตลาดส่งเสริมอาชีพและผลิตภัณฑ์คนพิการ การอบรมอาชีพคนพิการแนวใหม่ นำไอทีมาช่วยส่งเสริมให้สามารถทำงานที่บ้านได้ โดย AI เข้ามามีบทบาทการทำงานมากขึ้นให้เหมาะกับแต่ละความพิการ

ด้านสิ่งอำนวยสะดวก อาคาร สถานที่ในกรุงเทพฯ เสนอให้มีการพัฒนาเป็นเมืองการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าถึงเท่าเทียม การตั้งคณะทำงานสิ่งอำนวยความสะดวก เร่งปรับปรุงแบบมาตรฐานสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นแบบเดียวกัน และออกประกาศข้อบังคับนำไปใช้เพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเสนอให้ กทม.ทำ inclusion analysis เพื่อวิเคราะห์โครงการถึงผลกระทบต่าง ๆ การเปิดเวทีให้ทุกคนมีส่วนร่วมนโยบายทิศทางของกรุงเทพฯ มีระบบรับเรื่องร้องเรียนเพื่อคนพิการ การปรับปรุงทางเท้า ท่าเรือ ซอยในพื้นที่กรุงเทพฯ พร้อมประกาศให้กรุงเทพฯเป็นมหานครแห่งการท่องเที่ยว world inclusive destination เป้าหมายจำนวน 1,000 แห่ง

ด้านเทคโนโลยีนวัตกรรม เสนอให้สร้างแอปพลิเคชั่น สื่อเสียงเพื่อคนตาบอด คนหูหนวก เช่น สัญญาณเสียงภาพในการอำนวยความสะดวกการเดินทาง ทางข้าม พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด e-Book พัฒนาเว็บไซด์ที่เข้าถึงได้ทุกประเภทความพิการ จัดงานแฮกกาธอน ออกแบบเครื่องแต่งกายให้คนพิการเพื่ออำนวยความสะดวกการดำรงชีวิตคนพิการ

ด้านสวัสดิการสังคม เสนอให้เตรียมการบริการออกบัตรคนพิการในศูนย์ กทม.ทุกแห่ง การมีผู้ช่วยคนพิการในหน่วยงานของ กทม. การ,uศูนย์บริการคนพิการในทุกเขต กทม. การให้บริการฟรีในสถานที่ สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ การติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกในการใช้สุนัขนำทางเข้าไปในสถานที่ต่าง ๆ

ด้านการแพทย์ เตรียมขับเคลื่อนกองทุนสุขภาพคนพิการ การสร้างช่องทางพิเศษเข้าถึงบริการการแพทย์คนพิการ การผ่าตัดประสาทหูเทียมโดย รพ.กทม.

ด้านการศึกษา ส่งเสริมการเรียนร่วมกับคนพิการในโรงเรียนทั่วกรุงเทพฯ เพิ่มการจัดตั้งศูนย์บริการพัฒนาเด็กพิการ ส่งเสริมโรงเรียนรวมนักเรียนทั่วไปกับเด็กพิการ universal design for learning/inclusive school

นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงการส่งเสริมสิทธิสตรีพิการ การป้องกันภัยพิบัติคนพิการ จัดรถบริการรับ-ส่ง กทม.สำหรับคนพิการเป้าหมาย 200 คันเพื่อบริการคนพิการ การเตรียมปรับข้อบัญญัติให้เอื้อคนพิการในทุกมิติ การมีคณะทำงานคนพิการใน 50 เขต การมีกลไกในการติดตามผ่านคณะอนุกรรมการคนพิการจังหวัด การเชื่อมโยงคนพิการผ่านสถานีโทรทัศน์หรือวิทยุชุมชนเพื่อให้คนพิการเข้าถึงได้ และจะผลักดันด้านกฎหมายเพื่อปรับปรุงข้อบัญญัติ ระเบียบ ให้มีสภาพบังคับในการปฏิบัติให้เกิดแรงผลักดันที่ชัดเจน

“การสร้างมหานครสำหรับทุกคน ไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะคนพิการเท่านั้น ผู้สูงอายุ เด็กก็จะได้รับประโยชน์ด้วย และยังเป็นการสื่อสารถึงความห่วงใยซึ่งกันและกัน ดูแลซึ่งกันและกัน ห่วงใยเพื่อนร่วมเมือง เป็นมิติที่เหนือกว่าแค่ด้านกายภาพ แต่ยังหมายถึงด้านจิตใจที่มีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การมีน้ำใจ เข้าใจจิตใจผู้อื่น ห่วงใยเพื่อนที่อยู่ร่วมเมืองเดียวกัน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเมืองที่มีคุณภาพ ซึ่ง กทม.จะทำแต่เพียงหน่วยงานเดียวไม่ได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนร่วมกัน เพื่อทำให้กรุงเทพฯดีขึ้น” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว