รพ.เอกชนเปิดแพ็กเกจให้ผู้ป่วยโควิด “อนุทิน” ตอบแล้ว ทำได้หรือไม่

อนุทิน ชาญวีรกูล

อนุทินแจงผู้ติดโควิดรักษาฟรีตามสิทธิ สบส. ชี้ ด้านเอกชนออกแพ็กเกจรักษาได้ตามอาการ แต่ต้องอำนวยความสะดวกได้จริง และไม่ผิดหลักเกณฑ์ใดๆ

วันที่ 11 กรกฎาคม 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่โรงพยาบาลเอกชนออกโปรแกรมขายยารักษาโควิด-19 ว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ ยาโมลนูพิราเวียร์ รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนให้ รพ.รัฐ และเอกชน เพื่อรักษาตามสิทธิการรักษา

ส่วนรพ.เอกชนที่ออกแพ็กเกจอาจเป็นเรื่องการอำนวยความสะดวกสบาย เพื่อให้ผู้ป่วยที่สามารถจ่ายได้มีทางเลือกตรงนี้ อย่างไรก็ตาม กรณีเช่นนี้มีอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ทำได้หรือไม่ หรือกรอบไหนทำไม่ได้ ก็จะมีการตรวจสอบให้ชัดเจน

“เรื่องนี้เป็นเรื่องการซื้อความสะดวก หากเขาทำแบบนี้และพิสูจน์ได้ว่า อำนวยความสะดวกได้จริงและไม่ผิดหลักเกณฑ์ใด ๆ ก็น่าจะทำได้ และประชาชนก็ได้ความสะดวกสบาย แต่หากมีกรณีไหนที่เข้าข่ายทำผิด หรือยังไม่ชัดเจน ให้สอบถามมายังกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพื่อตรวจสอบ แต่ต้องมีหลักฐาน ไม่ใช่เขาบอกมา ที่ผ่านมายังไม่เห็นหลักฐานชัดเจน ถ้ามีส่งมาเลย ทุกวันนี้ก็ยังปิดรพ.เอกชนไม่ได้สักแห่ง” นายอนุทิน กล่าว

ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หากเป็นคนไข้โควิด-19 ไปรักษาในรพ.ตามสิทธิ เป็นไปตามระบบนั้น โรงพยาบาลที่รักษาตามสิทธินั้น ๆ ย่อมไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ เพราะรัฐเป็นผู้สนับสนุนยาไปยังโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ช่วงหลัง รพ.เอกชน จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการอำนวยความสะดวกสบาย และมีกำลังจ่าย เพียงแต่การรักษาต้องเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาทางการแพทย์

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์

เมื่อถามว่ากรณีรพ.เอกชนระบุแพ็กเกจให้คนไข้เลือกว่าจะใช้ยาประเภทใด นพ.ธเรศ กล่าวว่า จริงๆ สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งยาส่วนนี้จะเป็นของเอกชน เนื่องจากปัจจุบันในส่วนของรัฐจะเตรียมยาไว้ให้กรณีรพ.เอกชนที่ดูแลคนไข้ตามสิทธิ แต่ยังมีอีกกลุ่มที่มาขึ้นทะเบียน และเอกชนสามารถซื้อขายตามระบบปกติได้

นพ.ธเรศ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญการออกแพ็กเกจใดๆ ต้องอิงอาการคนไข้เป็นหลัก ต้องเป็นไปตามมาตรฐานการรักษา และมาตรฐานสถานพยาบาล แต่เมื่อมีข้อคิดเห็นกรณีนี้เข้ามา เราจะมีการประชุมหารือและกำชับรพ.เอกชน ในการปฏิบัติเรื่องนี้ให้ถูกต้อง ซึ่งสัปดาห์นี้จะมีการหารือร่วมกับเอกชนอีกครั้ง โดยหากใครเจอเรื่องลักษณะนี้หรือสงสัยว่า รพ.เอกชนทำได้หรือไม่ให้แจ้งมาที่ สบส. เพื่อตรวจสอบต่อไป

“การออกแพ็กเกจต้องแจ้งล่วงหน้า และแจ้งราคาให้ประชาชนทราบล่วงหน้า แต่ที่สำคัญการให้ยาต้องรักษาตามอาการ ตามมาตรฐาน หากทำผิดนอกเหนือจากนั้น จะผิดทั้ง พรบ.สถานพยาบาลฯ และหากแพทย์เป็นผู้สั่งจ่ายนอกเหนืออาการก็จะเข้าข่ายผิดเรื่องการประกอบวิชาชีพ จะเป็นในส่วนของแพทยสภาตรวจสอบ” นพ.ธเรศกล่าว