มัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ เล่าเรื่องจากมุม “ลูกสาว” ครอบครัวจีนตระกูลดัง

 รุ่งนภา พิมมะศรี : เรื่อง

นามสกุล “ธรรมวัฒนะ” ถูกพูดถึงขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากกระแสความโด่งดังของละคร “เลือดข้นคนจาง” ที่คนดูว่ากันว่าเรื่องราวในละครคล้ายกับเรื่องมรดกเลือดของตระกูลธรรมวัฒนะ ที่เกิดเหตุฆาตกรรมเป็นคดีดังเมื่อราว 20 ปีก่อน และว่ากันว่าเกิดจากปัญหาเรื่องมรดก เงิน ๆ ทอง ๆ ซึ่งไม่เข้าใครออกใคร

แม้ว่าผู้กำกับละครปฏิเสธว่าเรื่องราวในละครไม่ใช่เรื่องของตระกูลธรรมวัฒนะอย่างที่คนดูหลายคนคิด แต่ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวในตระกูลมหาเศรษฐีตระกูลนี้ก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป ข่าวดังในอดีตถูกแชร์อีกครั้ง คนที่ไม่เคยรู้เรื่องก็ได้หาข้อมูลและได้รู้เรื่องในครั้งนี้

ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ และเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากจากเนื้อหาละคร ก็คือ ค่านิยมและธรรมเนียมในครอบครัวคนจีน ที่มีความเหลื่อมล้ำอย่างมากระหว่างลูกผู้ชายกับลูกผู้หญิง ซึ่งครอบครัวคนจีนส่วนใหญ่ก็เผชิญกับปัญหานี้

“ดีไลฟ์-ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ อ.มัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าของร้านอาหาร อ.มัลลิการ์ และร้านอื่น ๆ ในเครือ แต่เราสัมภาษณ์เธอในอีกฐานะหนึ่งที่ติดตัวมาโดยชาติกำเนิด คือ ในฐานะ “ลูกสาว” ของครอบครัวจีน ตระกูลธรรมวัฒนะ เป็นลูกคนที่ 4 ในบรรดาลูกชาย-หญิง 9 คน ของ สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ ผู้ก่อตั้งตลาดยิ่งเจริญ และเป็นน้องสาวของ นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ นั่นหมายถึงเป็นหนึ่งคนที่อยู่ในมหากาพย์มรดกเลือดธรรมวัฒนะ

เราคุยกับ อ.มัลลิการ์ ทั้งเรื่องความเป็นลูกผู้หญิงในครอบครัวคนจีน และเรื่องปัญหาในครอบครัวที่เกิดศึกสายเลือดอันโด่งดัง

Q : ถามถึงการเป็นลูกผู้หญิงในครอบครัวคนจีน เจอปัญหาพ่อแม่รักลูกชายลูกสาวไม่เท่ากันไหม

คุณแม่ไม่เป็นนะ คุณแม่อาจจะเอาใจลูกชายหน่อย แต่เวลาทำพินัยกรรม แม่แบ่งเท่ากัน ถ้าเป็นคนจีนทั่ว ๆ ไป ลูกสาวแทบจะตัดออกเลย ถ้าให้ก็ได้น้อย แต่ที่บ้าน คุณแม่ไม่เป็น จะมีก็แค่ให้ลูกสาวดูแลพี่ชาย ให้หาข้าวให้กิน อะไรต่าง ๆ คุณแม่เป็นลูกครึ่งไทย-จีน ไม่ได้เป็นจีนเต็มร้อย ส่วนคุณพ่อ (ที่บ้านเรียกว่าเตี่ย) เป็นคนจีน อาจจะเพราะคุณแม่ทำอาชีพ สร้างอะไรขึ้นมาด้วยตัวเองทั้งหมด เขาก็เลยไม่ได้เห็นความสำคัญว่าต้องผู้ชายเป็นใหญ่ เขาก็เลยให้เท่าเทียมกัน แต่ว่าตอนที่ลูกยังเล็ก ๆ ก็มีบ้างที่ลูกชายขออะไรก็ให้ง่ายกว่าลูกผู้หญิง

หลังจากที่คุณแม่ทำพินัยกรรมแล้วเสียไป เราก็ยังคิดเลยว่าเป็นลูกสาวคงได้ไม่เท่าผู้ชาย แต่คุณแม่ให้เท่ากันหมด จะให้ลูกสาวมากกว่าด้วยซ้ำ แม่ห่วงลูกสาวคนไหนมาก แม่ก็เขียนเฉพาะว่าส่วนตรงนี้ขอให้น้องคนนี้ บ้านหลังนี้ ที่ดินตรงนี้ให้พิเศษ บ้านเราก็เลยไม่เหมือนครอบครัวคนจีนทั่ว ๆ ไป

คุณพ่อเสียไปตั้งแต่ลูกยังเล็ก ๆ ทรัพย์สมบัติที่มีเป็นของฝั่งคุณแม่สร้างเอง ไม่เกี่ยวกับฝั่งคุณพ่อ เตี่ยก็เป็นคนจีนที่แปลกเหมือนกันนะ คือ รักลูกเท่ากันทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ให้อะไรก็ให้เหมือนกันหมดเลย สำหรับทางฝั่งครอบครัวฝั่งเรานะคะ ครอบครัวอื่นไม่รู้ คือเตี่ยมีเมียหลายคน คุณแม่เป็นภรรยาคนที่ 3 แต่เป็นคนที่ทำมาหากินด้วยตัวเอง เตี่ยมีเมียคนแรกตั้งแต่อยู่เมืองจีน พอมาอยู่เมืองไทยภรรยาคนที่ 2 ก็เป็นภรรยาคนไทย แต่ละบ้านไม่ได้เกี่ยวกัน แต่หลังจากคุณพ่อเสีย คุณแม่ก็ซัพพอร์ตครอบครัวนั้น เพราะว่าลูกยังไม่โตเท่าไหร่ คุณแม่ก็ส่งเรียน เพราะว่าพอจะมีเงินสามารถส่งได้ ต้องบอกว่าคุณแม่เก่งและสปอร์ต เพราะว่าถ้าเป็นพี่ไม่รู้ว่าทำได้ไหม (หัวเราะ) ที่ต้องไปส่งเสียลูกของเมียอีกคนหนึ่ง แต่คุณแม่ส่งหมดเลย

Q : ตอนเด็ก ๆ ไม่มีเรื่องแบบว่าตักของกินดี ๆ ให้แต่ลูกชาย

อ๋อ ไม่มีเลย มีแต่ว่าอาจิ๋มตักข้าวให้เฮียเขากินหน่อย ไอ้เราก็… อะไร เขาก็มีมือ ทำไมเขาตักกินเองไม่ได้ ทำไมต้องใช้ให้เราตักให้ อะไรอย่างนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ว่าให้ช่วยดูแลพี่ชาย

Q : ไม่ได้โปรดปรานใครเป็นพิเศษ

โปรดปรานใครเป็นพิเศษไหม มีนะ พ่อแม่เนี่ยที่บอกว่ารักลูกเท่ากัน จริง ๆ แล้วเท่ากันหรือเปล่าไม่รู้ แต่ว่ามันก็มีบ้าง เช่น คนนี้ประจบเก่ง ขออะไรก็ให้ง่าย แต่ถ้าใครไม่ประจบ ไม่ขอ ก็ไม่ได้ให้ คือไม่ถึงกับเด่นชัดว่า ลูกคนนี้รักแล้วได้แต่คนนี้ หรือทำโทษก็ทำแต่คนนี้

ความจริงแล้วแม่เป็นคนดุ แต่เรื่องตีลูกนี่แทบไม่ค่อยมี นอกจากร้ายแรงจริง ๆ เคยมีคนที่โดนตี ก็ลูกผู้ชายนั่นแหละ ช่วงวัยรุ่น ๆ ตัวเองนี่ไม่เคยโดนตีเลย เป็นเด็กดีนะ ลูกสาวไม่มีปัญหา ที่ว่าคุณแม่ดุเนี่ย คือเรากลัวไปเอง เพราะแม่เสียงดังและเอ็ดตะโรเป็นหลัก แต่ไม่ได้ดุ ตี หรืออะไร

Q : คุณแม่ดุหรือห่วงเรื่องอะไรที่สุด

แม่ไม่ชอบเรื่องผู้ชาย ไม่ชอบถ้าลูกสาวมีใครมาจีบ อย่างตอนพี่ไปเรียนปริญญาโทที่อเมริกา คุณแม่ก็ไปเฝ้า ไปมหาวิทยาลัยด้วยทุกวัน เขาบอกว่าเขาเลี้ยงได้ เขาบอกว่าอยู่จน 60 ปี แม่ก็ว่ายังไม่สาย เป็นไปได้ไหมล่ะ (หัวเราะ) คือเขาคิดว่าเขามีเงินเลี้ยงลูกได้ เป็นอย่างนี้แหละค่ะ ก็เลยไม่มีลูกคนไหนได้แต่งงานแบบเป็นเรื่องเป็นราว คือแม่ไม่ยอมรับ อันนี้ถ้าจะพูดถึงความแตกต่างจากครอบครัวอื่น คือ ไม่ยอมรับทั้งสะใภ้ทั้งเขย ลูกชายก็ไม่อยากให้แต่งเหมือนกัน หวงทั้งลูกชายลูกสาว เหมือนจะให้อยู่กับตัวไปตลอดชีวิต ให้ตายจากกันไปโดยที่ไม่ต้องมีครอบครัว ไม่มีใครได้จัดงานอะไรใหญ่โต ใครจะแต่งงาน แม่ก็บอกอย่าเพิ่งแต่ง ให้หมั้นก่อน แต่พอจะแต่งก็ไม่ยอม

ตอนอาจารย์แต่งคือแม่อยู่อเมริกา เราก็ประกาศแต่งงานแล้วค่อยแจ้งเขาทีหลัง เพราะรู้ว่าถ้าแจ้งเขาปั๊บ เขาต้องบินกลับมาล้มงานแต่ง เพราะว่าเคยล้มงานแต่งพี่ชายด้วย ตอนพี่คนโตจะแต่ง ถึงวันแต่งงาน แม่พาตัวพี่ชายหายไปเลย แม่มีวีรกรรมเยอะมากเรื่องเกี่ยวกับแต่งงาน คือเป็นคนรักลูกมาก รักแบบไม่ให้ใคร ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง คนอื่นไม่ค่อยรู้เรื่องนี้หรอก เพราะยังไม่ค่อยได้เล่าให้ใครฟัง

Q : มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับค่านิยมและธรรมเนียมของคนจีนที่ว่า หลังจากลูกแต่งงานแล้ว ลูกสะใภ้จะสำคัญกว่าลูกสาว

ตลกอ่ะ ไม่เห็นด้วย คือคิดว่าทุกวันนี้ลูกชายกับลูกสาวเท่าเทียมกัน ให้อะไรก็เหมือนกัน ก็คอยสอนเสมอว่าต้องรักกัน พี่น้องมันหาไม่ได้ จริง ๆ ก็คิดนะ ถ้าได้ลูกเขยดี ลูกสะใภ้ดีก็ดี มาช่วยกันทำมาหากิน แต่ถ้าไม่ดีมันก็มีปัญหา อย่างคุณแม่ก็จะมองแบบนี้ว่า เขย สะใภ้ ไม่ให้เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะบางทีคนนี้พูดที คนนั้นพูดที แล้วมันมีปัญหา ที่แม่พี่คิดก็มีส่วนที่พี่เห็นด้วย แม่สั่งไว้ในพินัยกรรมเลยว่า ไม่ให้เขย สะใภ้ เข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งตระกูลใหญ่ ๆ ยิ่งลำบาก ให้พี่น้องเขาทะเลาะกันดีกว่า

Q : ช่วงเกิดเหตุการณ์ที่คุณห้างทองเสียชีวิต บรรยากาศในครอบครัวเป็นอย่างไร

ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นก็มีปัญหากันในครอบครัวมาก่อนประมาณ 2-3 ปี เริ่มมาตั้งแต่ที่แม่เสียชีวิต ปัญหาเกิดจากพี่น้องเราหลายคน มันก็มีไม่เข้าใจกัน ก็เริ่มไม่พอใจกัน ถ้าจะพูดถึงอิจฉาริษยาบางส่วนก็มี ก็กลายเป็นทะเลาะเบาะแว้งกัน เราก็แบ่งฝ่าย แบ่งพรรค แบ่งพวกกัน เพราะพี่น้องเยอะ มันก็เป็นชนวนมาเรื่อย ๆ ก็กลายมาเป็นลุกลาม เรื่องความโลภตามมา ก็เลยเป็นปัญหา

ที่จริงแล้วเงินทองเนี่ย ถ้าทุกคนรู้จักใช้ มันก็ไม่มีปัญหา ที่ได้แบ่งกันไปเนี่ย บางคนก็ใช้หมดอย่างรวดเร็ว มันก็ทำให้เกิดปัญหาได้ ฉะนั้น จริง ๆ สมบัติเนี่ย พี่ว่าหาง่ายกว่ารักษานะ รักษาไว้ให้คงอยู่มันไม่ง่ายนะ ถ้าคนหาไม่เป็นยิ่งไม่ง่ายใหญ่เลย (หัวเราะ) มันก็เป็นปัญหาในภายหลัง เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ บางคนอยากได้มากกว่านั้น

Q : พอเกิดเหตุการณ์แล้วสังคมก็เพ่งเล็งคนในครอบครัว ความรู้สึกตอนนั้นมันหนักมากมั้ย

รู้สึกสงสารพี่นพ (นพดล ธรรมวัฒนะ) เพราะว่าคู่ทะเลาะเขาไม่พอใจพี่ชาย กลายเป็นเรื่องเป็นราว แล้วพอพี่ห้างทองมายิงตัวตายในห้อง มันก็ทำให้พวกนั้นก็พยายามจะใส่… ทั้งที่รู้ ๆ ว่าไม่ใช่หรอก พี่นพดลไม่ได้ทำแน่นอน พี่ก็อยู่ข้าง พี่ก็รู้ว่าพี่นพไม่ได้ทำแน่นอน ปัญหามันเยอะแยะ เยอะมาก พี่ห้างทองเขาเครียด เขาก็คิดสั้น ตอนนั้นมันก็เลยยิ่งบานปลายไปใหญ่ เขาก็มองพี่นพ… แต่มันก็พิสูจน์แล้ว เราก็อยู่ข้างพี่นพ อยู่สู้ เป็นเสียงข้างน้อย แล้วก็ถูกเสียงข้างมากจัดการให้กระเด็นออกมาจากตลาด แต่เราก็ทำมาหากินของเราเอง ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้สมบัติแม่แล้วจะอยู่ไม่ได้

ความรู้สึกตอนนั้นมันก็แย่ แย่เรื่องนี้ แต่พี่ก็บอกว่า ความจริงมันต้องปรากฏ แต่ก็อย่างว่านะ ตอนนั้นสังคมก็ไปตีตราไว้แล้วว่า คุณนพเป็นคนฆ่า แต่เรารู้อยู่ ก็จริง ๆ นะว่าถ้าเป็นตาสีตาสา ก็คงถูกใส่ร้ายง่าย ๆ เลย นี่เราก็พิสูจน์ ใช้เวลานานมาก ถ้าเป็นบางคนฆ่าตัวตายไปแล้วมั้ง มันเครียด แต่พี่นพเขาเก่ง

Q : อาจารย์ไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัย มันกระทบกระเทือนมากไหม เครียดมากไหม

มันก็กระทบกระเทือนแหละ เครียดไปตาม พี่ชายเราเป็นแบบนี้ ไม่เครียดได้ไง แล้วมันจะชอบเหรอ อยู่ดี ๆ ตระกูลก็ดัง มันไม่ได้ดังในทางดีอ่ะ แต่เราอาจจะเครียดน้อยกว่าหน่อย เพราะมันไม่ได้ตรงที่ตัวเรา แต่เราก็สงสารพี่

Q : พอมีเรื่องแบบนั้นมันกระทบความสัมพันธ์รุ่นลูกมากน้อยขนาดไหน บรรยากาศในตระกูลเป็นอย่างไร

ตอนนั้นมันก็ห่างเหินกันไป แต่ทุกวันนี้เขาก็คุยกันนะ เราก็ไม่ได้สอนให้ลูกหลานโกรธกัน อันนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จะโกรธกันก็เรื่องของผู้ใหญ่ เรื่องของเด็กมันเป็นอีกรุ่นหนึ่งไม่เกี่ยวกัน เวลามันก็คงเป็นตัวช่วย ถ้าผู้ใหญ่ไม่ไปใส่อะไรให้เด็ก ส่วนเรื่องของผู้ใหญ่ก็เรื่องของผู้ใหญ่ ก็จบกันไป อย่าง นฤมล กับคนึงนิตย์ ตอนหลังเขาก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ก็มาไหว้ขอโทษ

Q : ตอนนี้ความสัมพันธ์ดีขึ้นแล้ว

มันก็ยังไม่ดีทีเดียวนะ เพราะมันยังไม่เหมือนเดิม บางคนก็ยังไม่สำนึก ส่วนคนที่สำนึกเราก็คุยด้วย เขาก็ยังมาขอความช่วยเหลือจากพี่นพเลย

Q : อาจารย์เชื่อในสายสัมพันธ์ของครอบครัวมากน้อยแค่ใหน หรือว่าที่สุดแล้วอยู่ที่จิตใจ สายเลือดมันมีผลมากมั้ย

สายเลือดมันก็มีผล แต่สายเลือดบางคนมันไม่เข้มข้นอ่ะ บางคน (ย้ำ) อย่างพี่นี่เข้มข้นแน่นอนกับพี่นพเนี่ยรักกันพี่น้อง จะแบบไม่ว่าจะยังไง… เพราะพี่นพเนี่ย ตั้งแต่เล็ก ๆ เขาก็ดูแลพี่น้องนะ แต่ก็ไม่รู้อ่ะ เนื่องจากมีพี่น้องมาก มันก็เลยทำให้… อย่างพี่ใกล้ชิด อาจจะเป็นคนต่อกัน มันก็เลยรัก แต่พอห่างไปกับรุ่นน้องเนี่ยมันอาจจะไม่… ยังเคยคิดเลยว่าเรามาจากพ่อแม่เดียวกันรึเปล่าวะ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ได้ยังไง ก็คิดอยู่ว่ามันเกิดจากอะไร มันมียีนตัวใหนที่ทำให้บ้านนี้เป็นอย่างนี้ ว่าทำไมบางคนไม่ได้คิดถึงพี่น้อง มีแต่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ


บางทีเราก็เคยคิดว่า แม่อาจจะไม่ได้สั่งสอนมาก ไม่ได้โทษแม่นะ แต่เนื่องจากแม่ทำงานหนัก ไม่มีเวลามาอบรม ก็ให้แต่เงิน อ่ะ ไปเรียน แต่ไม่มีเวลามานั่งคุยกับลูก ว่าให้ลูกรักกัน แต่มันก็เป็นกับตระกูลใหญ่ ๆ ที่มีพี่น้องหลายคน มันก็เป็นกับตระกูลที่มีเงินเยอะ ๆ เพราะฉะนั้นก็มองแล้วว่าเพราะเงิน มันเป็นตัวทำลายทุกอย่างเลย จริง ๆ แล้วเพราะเงิน ความจริงความจนเนี่ยมันก็ทำให้คนรักกันนะ อย่างคนอีสานเขาทำยังไงถึงทำให้ลูกรักพ่อแม่ ส่งเงินไปให้ เขาเลี้ยงยังไง ทำไมถึงทำให้ลูกกตัญญูจังเลย เพราะเห็นแต่ละคนทำงานส่งเงินไปให้พ่อแม่ เรื่องการเลี้ยงดูมันก็มีส่วนที่พี่น้องไม่ค่อยรักกัน