Meta ลบคอนเทนต์เออกจากแพลตฟอร์มแล้วกว่า 7.95 แสนโพสต์ ตามคำเตือนของสหภาพยุโรป จี้ แบนคอนเทนต์สนับสนุนกลุ่มฮามาส ชี้ ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับทำให้เกิดความเข้าใจผิด และความรุนแรง บิดเบือนเหตุการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส
วันที่ 14 ตุลาคม 2566 บริษัท Meta Platforms Inc. เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook Instagram ได้ประกาศว่า บริษัทฯ ได้ลบหรือทำเครื่องหมายบนเนื้อหาในภาษาอาหรับและฮีบรูมากกว่า 795,000 ชิ้น เนื่องจากละเมิดนโยบาย หลังจากที่สหภาพยุโรปตำหนิได้เตือนว่า Meta ไม่พยายามจะจัดการกับข้อมูลที่บิดเบือนบนแพลตฟอร์มของตน
บริษัทกล่าวว่ากำลังทำงานร่วมกับผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่พูดภาษาฮีบรูและอารบิก ทำการบล็อคแฮชแท็กบางรายการ และใช้มาตรการอื่นๆ หลังจากที่ นายเตียร์รี่ เบรตัน กรรมาธิการยุโรป ส่งจดหมายเตือน “Mark Zuckerberg ” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Meta และร้องขอให้เขาแสดงความรับผิดชอบต่อการเผยแพร่เนื้อหาที่ผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ สงครามอิสราเอล-ฮามาส
Meta ระบุในแถลงการณ์ว่า นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม Meta ได้ลบเนื้อหาเกี่ยวกับการละเมิดนโยบายในภาษาฮิบรูและอารบิกมากกว่าเจ็ดเท่าเมื่อเทียบกับสองเดือนก่อนหน้า
กลุ่มฮามาส ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นองค์กรก่อการร้ายโดยสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร ถูกแบนจากแพลตฟอร์ม และการยกย่องชมเชยหรือการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธใดๆ ก็ตามจะถูกลบออก อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังคงอนุญาตให้มีการสร้างวาทกรรม (discourse) ทางสังคมและการเมืองต่อไป เช่น การรายงานข่าว ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน หรือการอภิปรายทางวิชาการ เป็นกลาง และประณาม
“ทีมผู้เชี่ยวชาญจากทั้งบริษัท ทำงานตลอดเวลาเพื่อตรวจสอบแพลตฟอร์ม ในขณะเดียวกันก็ปกป้องความสามารถของผู้คนในการใช้แอพของเรา เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถี่ถ้อวนที่สำคัญที่เกิดขึ้นในพื้นที่”
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า มีภาพถ่ายและวิดีโอที่แสดงถึงความรุนแรงได้แพร่กระจายไปทั่วโซเชียลมีเดีย และไม่ยืนยันว่าเป็นภาพเหตุการณ์จริงในพื้นที่ โดยผู้ใช้บน X (Twitter) อ้างว่าคอนเทนต์ที่เผยแพร่เหล่านั้นเป็นภาพ หรือ วิดีโอที่มาจากผู้เห็นเหตุการณ์ แต่จริงๆ แล้วมาจากวิดีโอเกม และลิงก์ข่าวที่ซ่อนอยู่ทำให้ผู้ใช้งานตรวจสอบข่าวสารได้ลำบาก
สงครามครั้งนี้เป็นหนึ่งในการทดสอบสำคัญครั้งแรกของพระราชบัญญัติบริการดิจิทัลของสหภาพยุโรป ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อต้นปีนี้ และกำหนดให้บริษัทต่างๆ ต้องจ้างผู้ตรวจสอบเนื้อหาเพิ่ม และใช้ความพยายามในการบรรเทาผลกระทบเพื่อลดการแพร่กระจายของข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
บริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามจะถูกปรับมากถึง 6% ของรายได้ต่อปี หรืออาจถูกแบนได้
Meta กล่าวว่า มีเทคโนโลยีจะเข้ามาเพื่อป้องกัน การแนะนำคอนเทนต์ที่ละเมิดนโยบาย และลดการมองเห็นของโพสต์ หรือ คอมเมนต์ ที่อาจไม่เหมาะสมบน Facebook และ Instagram ทั้งยังมีการเพิ่มนโยบายใหม่ประกอบด้วย การจำกัดในการใช้ Facebook และ Instagram Live สำหรับผู้ที่เคยละเมิดนโยบายข้างต้นมาก่อน
บริษัทกล่าวว่า การที่จะเผยแพร่ภาพตัวประกันที่กลุ่มฮามาสจับตัวไว้ ถือเป็นภัยคุกคาม และจะลบเนื้อหาที่เผยแพร่และบัญชีที่อยู่เบื้องหลังเนื้อหาดังกล่าว