ซีอีโอ AIS ชูวิสัยทัศน์ Sustainable Nation ย้ำ ค่าบริการมือถือสมเหตุผล

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์

ซีอีโอ AIS ชี้ โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมไทย มีเอกชนร่วมสร้างกันไว้แข็งแกร่งแล้ว รอภาครัฐต่อยอด ชู ยุทธศาสตร์ “Sustainable Nation” ด้วย “พาย 3 ชิ้น” พร้อม เผยค่าบริการมือถือในไทยเข้าสู่ภาวะปกติหลังแข่งราคากันมาหลายปี มุ่งเน้นรายได้เพิ่มจากประสบการณ์ที่ดีกว่า

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวภายในงาน AIS THE NEXT EVOLUTION ถึงวิสัยทัศน์ในระยะต่อไปของ AIS  ว่าจะยึดมั่นการเติบโตไปด้วยกันกับพาร์ทเนอร์ และเศรษฐกิจชาติ ในแนวคิด

ECOSYSTEM ECONOMY หรือ เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน จากภารกิจ “พาย 3 ส่วน” คือ 1.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอัจฉริยะ 2.การเชื่อมต่อธุรกิจข้ามอุตสาหกรรม และ 3.การดำเนินงานอย่างยั่งยืนพร้อมกับการพัฒนาความสามารถของบุคลากร เพื่อให้ AIS เป็นองค์กรเทคโนโลยีโทรคมนาคมที่ไปเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศไทย หรือ Sustainable Nation”

นายสมชัย กล่าวถึงสถานการณ์โลกในปัจจุบันว่าส่งผลกระทบกับธุรกิจและเศรษฐกิจของชาติไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจากสงครามที่ การปิดกั้นทางการค้าระหว่างประเทศ ปัญหาพลังงาน ภาวะเงินเฟ้อ, ปัญหาสภาพแวดล้อม เป็นต้น ดังนั้น AIS จึงต้องพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความแข็งแกร่งและยั่งยืนของประเทศไทย

“ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน อย่างช่วงโควิด 19 ที่ผ่านมา เราได้มีการเสริมความแข็งแกร่งให้ภาคเศรษฐกิจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เจาะกลุ่มเป้าหมายเพิ่ม 130% อินเทอร์เน็ตบ้าน 50% และสามารถช่วยให้เกิดการค้าขายอีคอมเมิร์ชกว่า 2 หมื่นล้านบาท ทั้งยังช่วยส่งเสริมศักยภาพของครีเอเตอร์กว่า 2 ล้านราย”

นายสมชัย กล่าวต่อว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศที่จะใช้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเข้าไปในอุตสาหกรรมต่าง ๆ นั้นเป็นสูตรสำเร็จทางนโยบาย ซึ่งข้ิดีของประเทศไทย คือ ภาครัฐไม่ต้องลงทุนด้านโครงข่ายโทรคมนาคมมากนัก เพราะเอกชนได้ช่วยกันพัฒนาจนคุณภาพโครงข่ายและสัญญานดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่เหลือคือการนำไปต่อยอดและใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ

ADVERTISMENT

“สิ่งที่ AIS เชื่อมั่นเสมอมาก็คือ โครงข่ายโทรคมนาคมไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียง Dumb Pipe หรือท่อส่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สามารถยกระดับเพิ่มความอัจฉริยะและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ใช้งานได้อย่างไม่มีขีดจำกัด”

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึง เรื่องค่าบริการโทรศัพท์มือถือที่สังคมกำลังตั้งคำถามว่าราคาแพงขึ้น คุณภาพแย่ลง ว่าข้อเท็จจริงราคาค่าบริการกำลังเข้าสู่ภาวะที่สมเหตุสมผล

ADVERTISMENT

“ค่าบริการโทรศัพท์บ้านเราถูกกว่าเกณฑ์ที่กำหนดโดย กสทช. และ 2-3 ปีมานี้มีการแข่งขันราคาที่ผิดปกติ ทำให้ผู้บริโภคคุ้นชินกับราคาที่ถูกกว่าปกติมาก ตอนนี้ทุกคนก็กลับไปสู่ราคาที่เป็นเหตุเป็นผล มันถูกปรับไปตามภาวะทางการตลาด

สงครามราคาอยู่ การแข่งขันเป็นเรื่องปกติ แต่จะไม่มีการแข่งขันกันเรื่องคุณภาพสัญญาณ ความเร็ว หรืออะไรอย่างนี้มากนักเนื่องจากครอบคลุมมากแล้ว เรากำลังแข่งกันเรื่องประสบการณ์ อย่างเรื่อง Living Network ที่กำลังจะเปิดตัวก็เป็นประสบการณ์แบบใหม่ที่เราสามารถ บูสต์ความเร็วเน็ตตามต้องการในพื้นที่นั้นๆ”

พายชิ้นที่ 1 พัฒนาโครงข่าย 5G-Fibre

1.ความเร็วตามสั่ง Network on Demand

ภายในงานมีการประกาศโปรดักส์ใหม่จาก AIS ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกความเร็ว เลือกเวลา และเลือกสถานที่ที่จะอัปสปีดความเร็วแรงขอฃสัญญาณได้ตามสั่ง ซึ่ง AIS เรียกว่าเป็น “การวิวัฒน์” ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม

Living Network หรือ เครือข่ายที่มีชีวิตซึ่งทำได้มากกว่าการสื่อสาร เพราะลูกค้าสามารถเป็นผู้ควบคุม สามารถเลือกและออกแบบการใช้งานบน Data  ได้เองตามไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะพร้อมให้บริการในเดือนธันวาคม 2566

2.อัพเกรด Wifi7 และขยายโครงข่าย Fibre

โครงข่ายเน็ตบ้าน หรือ Fibre นั้น AIS ประกาศว่า ความร่วมมือกับ 3BB จะทำให้เกิดประโยชน์กับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของคนไทยในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ถึงกว่า 13 ล้านครัวเรือน และธุรกิจเน็ตบ้านของ AIS จะก้าวสู่การเป็นผู้เล่นหลักของตลาด ที่พร้อมมอบนวัตกรรม และ ความเป็นเลิศด้านบริการอย่างต่อเนื่อง

ทั้งยังมีการเปิดตัวเทคโนโลยีล่าสุด  อย่าง WiFi 7 เป็นรายแรกในไทย ร่วมกับ TP-Link ที่มาพร้อมเราน์เตอร์มาตรฐาน WiFi 7 ในการรองรับดีไวซ์ Device ให้เชื่อมต่อได้ ลดปัญหาเกี่ยวกับช่องสัญญาณที่แออัด ทำให้ใช้งานได้ไหลลื่น รองรับการสตรีมแบบวีดีโอแบบ 8K การใช้งาน VR ที่ตอบโจทย์ทุกคนในบ้าน

นอกจากนี้ AIS ยังยกระดับ Enterprise Infrastructure และแพลตฟอร์ม ที่จะมาพลิกโฉมการทำงานขององค์กรภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมให้สามารถนำดิจิทัลเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในอนาคต ผ่านการทำงานร่วมกับเครือข่ายพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลกที่ครบและใหญ่ที่สุดในไทย

ไม่ว่าจะเป็น Data Center, Bridge Alliance ,AIS PARAGON รวมถึง Communications Platform-as-a-Service หรือ CPaaS ที่เชื่อมตอบโจทย์ทุกการสื่อสารขององค์กรในรูปแบบของ Cloud-based

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์

พายชิ้นที่สอง โตไปด้วยกัน “Ecomonic Ecosystem”

ส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญที่ AIS มองว่าเป็นการเข้าไปช่วยพาร์ทเนอร์ ทำให้มี “วิน 3 ฝ่าย” กล่าวคือ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ นำเทคโนโลยีและข้อมูลของ AIS ไปใช้ช่วยลดต้นทุนทะ้งการผลิตและการตลาด ผู้บริโภคได้รับสิ่งที่ตรงความต้องการเพราะเข้าถึงด้วยข้อมูลที่เฉพาะคน และสุดท้ายส่วนแบ่งนั้นก็จะกลับมาที่ AIS

“นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนร้านค้าในชุมชนรากฐานเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย นำแพลตฟอร์มเชื่อมโยงร้านค้าถุงเงิน ร้านธงฟ้า ร้านค้ารายย่อย โชว์ห่วย ร้านสตรีทฟู้ด รวมกว่า 1.8 ล้านร้านค้า และจับมือห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงร้านค้าพาร์ทเนอร์ทั่วประเทศกว่า 30,000 แห่ง ทั่วประเทศ ผ่านความแข็งแกร่งของ ECOSYSTEM

ซึ่งเครือข่าย PointPay แลกแต้มเป็นเงินสด สามารถใช้ร่วมกับพาร์ตเนอร์อื่นๆ เช่น บางจาก ซิตี้แบงก์ เคแบงก์ ไปรษณีย์ไทย ฯลฯ

สำหรับในส่วนของประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแก่องค์กรจากความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์นั้น เราได้ทำงานร่วมกับ ZTE เพื่อเตรียมเปิดตัวบริการ Cloud PC for Enterprise ให้องค์กรสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในรูปแบบ Desktop as a Service (DaaS) บนระบบคลาวด์ที่จัดสรรได้ตามความเหมาะสมบนความปลอดภัยสูงสุดในการเก็บข้อมูล

จับมือ ไมโครซอฟต์ นำ GenAI สู่มือองค์กรในไทย

ความร่วมมือกับ ไมโครซอฟต์ เรื่องแรก คือ การโทรศัพท์ที่เปลี่ยนแปลงการทำงานทั้งหมด

คือเป็นครั้งแรกในอาเซียนที่พร้อมให้บริการ Microsoft Teams Phone ที่ช่วยให้องค์กรและพนักงานสามารถโทรออกไปยังเบอร์ภายนอกและรับสายได้ผ่าน Microsoft Teams ได้ทั้งเลขหมายสื่อสาร (เครื่องโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ) และเลขหมายเคลื่อนที่ เชื่อมกับ MS Teams

รวมไปถึงการนำนวัตกรรม genAI ของ Microsoft 365 Copilot for Enterprise มาร่วมในแพ็กเกจสำหรับองค์กรของ AIS

พายชิ้นที่สาม ความยั่งยืน

นายสมชัย อธิบายต่อถึงความตั้งใจในการสร้างการวิวัฒน์เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนของประเทศว่า “เพราะโลกในยุคปัจจุบันธุรกิจไม่สามารถใช้ตัวชี้วัดด้านผลกำไรมาบอกถึงความสำเร็จได้แต่เพียงด้านเดียว แต่องค์กรต้องมีส่วนร่วมในการดูแล เศรษฐกิจ ผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่กัน

ตามหลักของ SDGs ดังนั้นนอกเหนือจากการนำดิจิทัลเข้ามาสร้างการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมแล้ว เรายังส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัยให้มีทักษะและเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพผ่านภารกิจ AIS อุ่นใจ CYBER นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบจากภัยไซเบอร์ที่เกิดขึ้นหลากหลายรูปแบบในปัจจุบัน ผ่านหลักสูตรการเรียนรู้อุ่นใจไซเบอร์ 4P ที่มีผู้เรียนแล้วกว่า 300,000 ราย”

สำหรับด้านสิ่งแวดล้อม เรามุ่งสร้าง Green Network  ผ่านการบริหารจัดการด้วยนวัตกรรม อย่างการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในสถานีฐานเพื่อบริหารจัดการพลังงานให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้งานของลูกค้า หรือแม้แต่การเพิ่มสัดส่วนของการใช้พลังงานหมุนเวียนจากทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม และในอีกด้านที่ดำเนินการควบคู่กันอย่างเข้มข้นคือ

“ชวนให้คนไทยมีส่วนร่วมในภารกิจนี้ด้วยการปลูกจิตสำนึกและการตระหนักถึงความสำคัญของการแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste ตามเป้าหมายในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธีแบบปราศจากการฝังกลบหรือ Zero e-waste to landfill  โดยเราพร้อมเป็น HUB of e-waste ที่จะเป็นแกนกลางรวมทุกภาคส่วนมาร่วมกัน ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน”