นับถอยหลัง 48 ชม. Bitcoin Halving ระวังการเทขายจากเหมืองขุด

เทรด บิตคอยน์ คริปโต การเทรด ตลาด
Photo by Behnam Norouzi on Unsplash

นับถอยหลังเหตุการณ์ Bitcoin Halving นักลงทุนรายใหม่ทยอยเข้าตลาด สัดส่วนการครอบงำตลาดของ BTC เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี เตือนระวังการเทขาของเหมืองขุดเพื่อพยุงค่าไฟ และหนีจากการขาดทุนเพราะรางวัลอาจไม่คุ้ม 

วันที่ 18 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ชุมชนคริปโตเคอร์เรนซีกำลังจับตาเหตุการณ์ Bitcoin Halving ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญที่สุดของบิตคอยน์ภายใน 48 ชม. ข้างหน้าที่บล็อกที่ 840,000 และเป็นหมุดหมายว่าจะเกิดขาขึ้นครั้งใหญ่ แต่กระนั้นก็ยังมีประเด็นที่ต้องจับตามองในระยะสั้น เนื่องจากมีการเทขายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนมานี้ จนราคาบิตคอยน์ตอนนี้ซื้อขายกันที่ 60,000-63,000 เหรียญสหรัฐต่อ BTC

เหตุการณ์ Bitcoin Halving ครั้งนี้จะส่งผลให้จำนวนเหรียญ BTC ที่จะเกิดขึ้นใหม่ลดลงครึ่งหนึ่ง จาก 6.25 BTC เป็น 3.125 BTC สําหรับแต่ละบล็อกที่เหมืองบิตคอยน์สามารถประกอบบล็อกได้สำเร็จ

เหมืองอาจเทบิตคอยน์

การลดจำนวนลงเช่นนี้ อาจส่งผลกระทบกับเหมืองขุดให้มีการเทขายระยะสั้นเพื่อนำเงินที่ได้ไปจ่ายค่าพลังงานและการบำรุงรักษา หรือหนักสุดคือการออกจากระบบการขุดไป เนื่องจากที่ราคาบิตคอยน์ระดับนี้อาจไม่คุ้มทุน

นายมาร์คัส ธิเอเลน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ 10x Research ระบุในรายงานของนักวิเคราะห์ เมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมาว่า นักขุด Bitcoin อาจขาย BTC มูลค่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังจาก Bitcoin Halving

“การขายนี้อาจกินเวลา 4-6 เดือน ตลาดคริปโตฯอาจเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญในช่วง 6 เดือนหน้า โดยในอดีต ราคาบิตคอยน์ยังคงอยู่ในช่วง 9,000-11,500 เหรียญสหรัฐในช่วงห้าเดือนหลัง Halving ในปี 2020 ดังนั้นปีนี้ Halving จะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 20 เมษายน ตลาดอาจไม่เป็นขาขึ้นที่มีนัยสำคัญจนกว่าจะถึงประมาณเดือนตุลาคม

นายธิเอเลนกล่าวด้วยว่า เหมืองขุดมีกลยุทธ์ที่คล้าย ๆ กัน คือ จะมีการค่อย ๆ ขายออกมาบ้างเพื่อชำระบัญชี แต่ก็จะมีการ “ตุน” BTC ไว้เพื่อให้เกิดความไม่สมดุลของซัพพลายและดีมานด์ อาจส่งผลให้มีการขาย BTC สูงสุด 104 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวัน

ขณะที่นายเฟรด ธิเอล ซีอีโอของเหมืองบิตคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Marathon กล่าวว่า อัตราการคุ้มทุนของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 46,000 เหรียญสหรัฐต่อ BTC เพื่อให้ยังคงทำกำไรได้ หลังจาก Halving ไม่น่าจะมีความเคลื่อนไหวของราคาที่มีนัยสำคัญใด ๆ ในช่วง 6 เดือนหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ผู้ซื้อบิตคอยน์รายใหม่เข้าสู่ตลาด

อย่างไรก็ตาม Bitfinex ได้เผยแพร่รายงานฉบับล่าสุดออกมาว่า ในวันศุกร์ที่ 12 เมษายน จํานวนสุทธิของ BTC ที่ถูกโอนออกจากกระดานเทรดอยู่ 6,767 BTC ซึ่งเป็นการไหลออกรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนกําลังตุน BTC และย้ายการถือครองไปยัง Cold Wallet เพื่อรอราคาที่อาจเพิ่มขึ้นหลังการ Halving

รายงานระบุด้วยว่า ในปัจจุบันผู้ถือ Bitcoin มีรูปแบบการถือของที่คล้ายกับช่วงเดือนธันวาคม 2020 ก่อนที่ตลาด Bitcoin จะเพิ่มมูลค่าอย่างมาก

“ในช่วงเดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นผู้ถือระยะยาว (LTH) ซึ่งเป็นนักลงทุนที่ถือ BTC มานานกว่า 155 วัน ขายเหรียญของตนอย่างแข็งขันในอัตราประมาณ 16,800 BTC ต่อวัน แนวโน้มนี้มักจะกินเวลาประมาณ 7 เดือนและมักเป็นสารตั้งต้นของการชะลอตัวของตลาด บ่งชี้ว่าเราอาจอยู่ห่างจากจุดสูงสุดของ BTC สําหรับรอบนี้เป็นเวลา 6 เดือน” รายงานระบุ

อย่างไรก็ตาม สิ่งสําคัญที่ควรทราบคือ วัฏจักรนี้แตกต่างและ “ถูกบีบ” มากกว่า เนื่องจากราคาขยับขึ้นเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับรอบก่อนหน้า จน BTC ทำราคาสูงสุดตลอดกาลที่ 73,000 เเหรียญสหรัฐก่อนฮาล์ฟวิ่ง

โดยทั่วไป อุปทาน LTH จะค่อย ๆ ลดลงก่อนที่ BTC จะทำราคาถึงจุดสูงสุดใหม่ หากราคายังคงรักษาระดับไว้ได้ค่อนข้างดี แม้ว่าผู้ถือครองรายใหญ่หรือวาฬ และผู้ถือระยะยาวจะกระจายออกไป นั่นหมายความว่าตลาดกําลังดูดซับการขายอย่างมีประสิทธิภาพ

หากรูปแบบนี้เป็นจริง ก็ควรถือว่าการที่ราคาลดลงในปัจจุบันเป็นสัญญาณเชิงบวก เนื่องจากการลดลงที่เราเห็นนั้นไม่เด่นชัด เมื่อเทียบกับการเทขายอย่างหนักก่อนการ Halving รอบก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน ดัชนี BTC.d หรือ Bitcoin Dominance กำลังบ่งชี้ว่าบิตคอยน์กำลังแย่งชิงส่วนแบ่งจากคริปโตอื่น ๆ และดูเงินเข้ามาเก็บไว้ ตอนนี้ BTC มีส่วนแบ่งอยู่ 56% และ 57% เมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา นับว่าเป็นสัดส่วนสูงสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งสะท้อนว่าคนกำลังจับตาดูเหตุการณ์ Bitcoin Halving และได้เริ่มแบ่งเงินลงทุนมาใส่ไว้ในบิตคอยน์เพื่อเตรียมรับมือการเพิ่มขึ้นของราคาหลังจากนั้น

ด้านรายงานของ Bitfinex ระบุอีกว่า ในขณะที่นักลงทุนรายเก่าที่อยู่ในตลาดมานานขาย BTC ออก แต่นักลงทุนรายใหม่กําลังเข้ามาซื้อเพื่อสร้างสมดุลระหว่างแรงขาย ผู้มาใหม่เหล่านี้เริ่มเห็นผลกําไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เมื่อราคาของ BTC เพิ่มขึ้น ความผันผวนของตลาดเช่นนี้ได้กระตุ้นความสนใจในหมู่ผู้ถือระยะสั้นในอดีต

อัตราส่วนมูลค่าตลาดต่อมูลค่าที่รับรู้ (MVRV) ซึ่งเปรียบเทียบราคาตลาดกับราคาซื้อเฉลี่ยแสดงให้เห็นว่าสําหรับผู้ถือครองระยะสั้น (STHs) ซึ่งหมายถึงผู้ที่ถือ BTC น้อยกว่า 155 วัน อัตราส่วนจะอยู่ที่ 1.3 ถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ 1.8 ที่เคยมีความสัมพันธ์กับจุดสูงสุดของ Bitcoin ใน 2 รอบที่ผ่านมาด้วยเหรียญที่ถือครองโดยผู้ถือระยะยาว LTH น้อยลง ชัดเจนว่าการซื้อขายในช่วงนี้ เกิดขึ้นจากนักลงทุนรายใหม่

และบนพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ของวัฏจักรของราคา จุดสูงสุดนั้นมักเกิดขึ้นในอีกหลายเดือนหลังจากการเพิ่มขึ้นของ “ผู้ถือครอง BTC ระยะสั้น หรือ STH รายใหม่

ปัจจุบันอัตราส่วนของ Bitcoin ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมานานกว่า 1 ปีได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน แนวโน้มนี้ ชี้ให้เห็นว่าผู้ถือยาว LTH ซึ่งไม่ได้ใช้งานเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี กําลังเริ่มการโอน  BTC เป็นไปได้ว่าเพื่อเทขายทำกำไร