
Binance เตรียมระงับซื้อขายคริปโตแบบ P2P ด้วยเงินบาท รับกฎหมายไทย พ.ร.ก.ปราบอาชญากรรมไซเบอร์ และกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ เพิ่มอำนาจ ก.ล.ต.-ดีอี ปิดกั้นแพลตฟอร์มคริปโตทุกแพลตฟอร์มที่ให้บริการในราชอาณาจักร
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า แพลตฟอร์ม Binance Global ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ขึ้นข้อความแจ้งเตือนผู้ใช้งานชาวไทยที่ใช้งานซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีแบบบุคคลสู่บุคคล หรือ P2P Trading ว่า จะมีการระงับการแลกเปลี่ยนด้วยเงินบาทโดยตรง ให้ผู้ใช้งานสลับไปโอนเงิน ซื้อขายคริปโต ผ่านแพลตฟอร์ม BinanceTH ซึ่งได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของไทยทดแทน
โดยวิธีการซื้อขายคริปโตด้วยเงินบาทแบบ P2P นี้ ทำให้ผู้ใช้สามารถโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร หรืออีวอลเลต จากบุคคลหนึ่งไปยังคนหนึ่งได้ โดยไม่มีการระบุว่านำเงินไปซื้อคริปโต เสมือนการโอนเงินปกติในชีวิตประจำวัน ทำให้ยากต่อการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะกรณีการฟอกเงิน หรือการโยกย้ายสินทรัพย์ของอาชญากร ที่ใช้บัญชีธนาคารเป็นบัญชีม้า
การตอบสนองดังกล่าวของ Binance Global มีขึ้นหลังจากที่ทางการไทย นำโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เสนอและผ่านกฎหมายฉบับใหม่ คือ พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 ซึ่งเกิดจากความพยายามแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลบัญชีม้า และการเพิ่มโทษซื้อขายบัญชี
รวมถึงการทำให้ “สถาบันการเงิน-ค่ายโทรคมนาคม-แพลตฟอร์มดิจิทัลและแพลตฟอร์มคริปโต” ร่วมชดใช้หากปล่อยให้เป็นช่องทางก่ออาชญากรรมของแก๊งมิจฉาชีพต่าง ๆ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวประกาศใช้เมื่อ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา
การควบคุมคริปโตแบบ P2P เป็นสาระสำคัญหนึ่งที่ทั้ง ก.ล.ต.และดีอีให้ความกังวล เพราะเป็นช่องทางหลักในการแปลงเงินบาทที่ได้จากการก่ออาชญากรรมและฉ้อโกงประชาชนออกไปนอกระบบ จึงได้มีการแยกอำนาจการควบคุม P2P ที่เดิมอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ที่ ก.ล.ต.ดูแลอยู่แล้ว โดยเพิ่มอำนาจและแก้ไข พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ ทำให้ ก.ล.ต.สามารถตรวจสอบและร้องขอให้ดีอีปิดกั้นแพลตฟอร์มคริปโตที่ละเมิดการซื้อขาย P2P โดยใช้เงินบาทและให้บริการในไทยมีความผิด
การแก้ไข พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล มีสาระดังนี้ กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ประกอบธุรกิจอยู่นอกราชอาณาจักร แต่ให้บริการแก่บุคคลซึ่งอยู่ในราชอาณาจักร ต้องได้รับอนุญาตตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
กำหนดลักษณะที่ถือว่าเป็นการให้บริการแก่บุคคลซึ่งอยู่ในราชอาณาจักร ได้แก่
(1) การแสดงผลในการประกอบธุรกิจเป็นภาษาไทย ทั้งหมดหรือบางส่วน
(2) การจดทะเบียนโดเมนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย เช่น .th หรือ .ไทย หรือชื่ออื่นใดที่หมายถึงประเทศไทย
(3) การกำหนดให้ชำระเงินเป็นสกุลเงินบาท หรือผ่านบัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
(4) การกำหนดให้ใช้กฎหมายไทย เป็นกฎหมายที่ใช้บังคับหรือกำหนดให้ดำเนินคดีในศาลไทย
(5) การจ่ายค่าบริการแก่ผู้ให้บริการสืบค้น เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการในไทยเข้าถึงบริการเป็นการเฉพาะ
(6) การมีสำนักงานหรือบุคลากรในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการให้บริการ
(7) ลักษณะอื่น ๆ ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจประกาศกำหนดเพิ่มเติมในอนาคต
นอกจากนี้ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ต้องเชื่อมโยงข้อมูลเข้าถังกลางบัญชีม้า เพื่อช่วยคัดกรองและเฝ้าระวังการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับบุคคล หรือกระเป๋าเงินดิจิทัลที่อยู่ในบัญชี Blacklist โดยกฎหมายได้กำหนดโทษหากไม่ปฏิบัติตาม และยังให้มีโทษรวมไปถึง “เจ้าของบัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัล” ด้วย