‘สปริงนิวส์’ แจ้งคืนใบอนุญาตทีวีดิจิทัล มูลค่ารวม 949 ล้านบาท

วันที่ 10 พฤษภาคม 2562 บมจ. นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 5/2562 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด (SPTV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ คืนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ (หมวดหมู่ข่าวสารและสาระ)  ให้แก่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 949.70 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 4/2562 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม วันที่ 11 เมษายน 2562 รวมถึงประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายค่าชดเชย อันเนื่องมาจากการคืนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล วันที่ 2 พฤษภาคม 2562

อนึ่ง ในปัจจุบัน ใบอนุญาตฯ คงเหลืออายุอีก 9 ปี 10 เดือน (ใบอนุญาตฯ จะหมดอายุในวันที่ 24 เมษายน 2572)การเข้าทำรายการดังกล่าวถือเป็นรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ.20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม)(“ประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไป”) โดยรายการดังกล่าวมีขนาดของรายการสูงสุดเท่ากับร้อยละ 83.64 ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของบริษัทฯ ตามงบการเงินสำหรับปี 2561 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านการตรวจสอบแล้วโดยผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ ซึ่งเป็นขนาดรายการสูงสุดตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน และจัดเป็นรายการประเภทที่ 1 ที่มีขนาดรายการสูงกว่าร้อยละ 50 แต่ต่ำกว่าร้อยละ 100

ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีหน้าที่แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ พร้อมทั้งเปิดเผยสารสนเทศเกี่ยวกับรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และดำเนินการจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เพื่อขอสัตยาบันการเข้าทำรายการดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย

อนึ่ง แม้ว่าบริษัทฯ จะแจ้งความประสงค์คืนใบอนุญาตฯ แล้วก็ตาม แต่ตามหลักเกณฑ์ บริษัทฯ จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก กสทช. รวมถึงต้องดำเนินการเยียวยาผู้ใช้บริการก่อนยุติการให้บริการ ซึ่งคาดว่าวันสุดท้ายของการบริการจะล่าช้ากว่าระยะเวลาภาระผูกพันตามสัญญากับลูกค้าที่จะสิ้นสุดลงในเดือนกรกฎาคม 2562 ดังนั้นการคืนใบอนุญาตจึงไม่กระทบการดำเนินงานและภาระผูกพันที่มีต่อบุคคลภายนอก