ไม่เกิน 1 พ.ย. ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมพร้อมลุย! “พุทธิพงษ์” ย้ำแนวปฏิบัติอิงมาตรฐานสากล

“ดีอี” ลั่นไม่เกิน 1 พ.ย. ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ต้องพร้อมลุย! เตรียมใช้ “FACT checking Thailand” เป็นเว็บไซต์สื่อสารกับประชาชน ย้ำแนวปฏิบัติสกัดข่าวปลอมอิงมาตรฐาน IFCN “เครือข่ายตรวจสอบข้อเท็จจริงนานาชาติ” หวังดึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นพวก

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า การตั้งเป้าไว้ว่า ไม่เกิน 1 พ.ย. นี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center)  จะต้องพร้อมปฏิบัติงานได้อย่างเต็มรูปแบบ

โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบข่าวปลอมที่อิงอยู่กับมาตรฐานของ “เครือข่ายตรวจสอบข้อเท็จจริงนานาชาติ” (International Fact-Checking Network – IFCN)” ซึ่งได้กำหนด “ชุดหลักการ” (code of principles) ของเครือข่ายไว้ประมาณ 5 ข้อ ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกที่มีการทำงานด้านต่อต้านและป้องกันข่าวปลอมใช้อ้างอิง อาทิ  ยุโรป สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน รวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลระดับโลกด้วย

สำหรับชุดหลักการ ที่คาดว่าจะใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาข่าวปลอมที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิต และทรัพย์สินต่อประชาชน สร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม ตลอดจนข่าวที่ทำลายภาพลักษณ์ต่อประเทศ

โดยจะครอบคลุมหัวข้อ  ความเที่ยงธรรมและความปราศจากอคติในการคัดเลือกข่าว, ความเป็นส่วนบุคคลกับสิทธิเสรีภาพของการนำเสนอข่าว, การขัดกันด้านผลประโยชน์ และผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง, ให้ความเป็นธรรมแก่ฝ่ายที่ถูกพาดพิงและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเท่าเทียมกัน, สามารถอธิบายกระบวนการการพิสูจน์ การตรวจสอบ แหล่งที่มาของบทความและข้อเท็จจริงต่างๆ ได้, มีความรู้เกี่ยวกับข่าวนั้นๆ

ทั้งประชาชนจะสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงในด้านต่างๆ ได้อย่างเปิดเผย ซื่อสัตย์ และโปร่งใส เป็นหน่วยงานที่อิสระ ไม่ขึ้นต่ออิทธิพลของหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ เป็นต้น

พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์

“หากประเทศไทยเดินเข้าสู่มาตรฐาน IFCN ได้ ก็จะทำให้สามารถเข้าสู่แพลตฟอร์มโซเชียลระดับโลกของเอกชนได้ด้วย เมื่อมีแจ้งผลการตรวจสอบข่าวปลอม และยืนยันข้อมูลที่ถูกต้องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งมีตัวแทนร่วมอยู่ในคณะกรรมการฯ ก็จะได้รับความร่วมมือในการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง และสกัดกั้นการแพร่กระจายข่าวปลอมที่สร้างผลกระทบและความเสียหายในวงกว้าง”

ทั้งยังเป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่าประเทศไทยเป็นอีกประเทศที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาข่าวปลอม และมีกระบวนการที่สร้างความมีส่วนร่วมกับประชาชนในการทำงานด้านนี้ โดยมุ่งให้ได้มาตรฐานสากล

นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ยังเปิดเผยว่า ที่ประชุม “คณะกรรมการประสานงานและแก้ไขปัญหาข่าวปลอมที่กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน” เมื่อ 29 สิงหาคม 2562 ได้สรุปสาระสำคัญใน 3 เรื่อง ได้แก่

1.เห็นชอบหลักเกณฑ์ในการพิจารณาข่าวปลอมที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชนโดยตรง เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ข่าวที่สร้างความแตกแยกในสังคม ข่าวที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสังคมตลอดจนข่าวที่ทำลายภาพลักษณ์ต่อประเทศ

2.แนวทางการดำเนินงานเร่งด่วน ได้แก่ การเร่งประสานความร่วมมือในการปฏิบัติกับเครือข่ายเฟซบุ๊ก ไลน์ กูเกิล และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่

เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ และประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์คชอป) กับหน่วยงานภาครัฐ ก่อนที่จะมีการเปิดศูนย์ฯ เพื่อให้มีแนวทางปฏิบัติงานในทิศทางเดียวกัน รายชื่อบุคคลผู้ติดต่อของแต่ละหน่วยงานเพื่อให้ตรวจเช็คข้อมูลและยืนยันความถูกต้องให้ประชาชนได้ภายใน 1 ชั่วโมง

และเปิดตัวเว็บไซต์ FACT checking Thailand มีการทำงานในลักษณะออนไลน์ และออฟไลน์

ทั้งยังตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อหนุนการทำงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ภัยพิบัติ, เศรษฐกิจ การเงินการธนาคาร-หุ้น , ผลิตภัณฑ์สุขภาพ-สินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายอื่น และกลุ่มนโยบายรัฐบาล-ข่าวสารที่กระทบสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงในประเทศ