
คอลัมน์ Tech Time โดย มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ
ในขณะที่บริษัทการบินทั่วโลกได้รับผลกระทบจากโควิดอย่างหนัก กลับมีบริษัทแห่งหนึ่งที่ยังระดมทุนได้เป็นกอบเป็นกำจนมีค่าตัวทะลุ 1 พันล้านเหรียญไปแล้วทั้งที่ยังไม่เปิดให้บริการด้วยซ้ำ
บริษัทนี้มีชื่อว่า Lilium เป็นสตาร์ตอัพจากเยอรมนีที่กำลังพัฒนา “แท็กซี่บินได้” โดยตั้งเป้าว่าจะเปิดให้บริการในอีก 5 ปี ข้างหน้า หากทำได้จริง เราคงมอง “แท็กซี่” ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะแทนที่จะวิ่งบนท้องถนน “แท็กซี่” เวอร์ชั่นใหม่นี้ พาเรา “เหาะ” ไปยังจุดหมายแทน
จากรูปต้นแบบที่บริษัทโปรโมตในเว็บ “แท็กซี่บินได้” ที่ว่าหน้าตาคล้ายเครื่องบินขนาดเล็ก มีปีก มีหางและมีลำตัวเป็นห้องโดยสารที่รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 5 คน ส่วนเครื่องยนต์กลไกเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมด การ “เทกออฟ” และ “แลนดิ้ง” คล้ายเฮลิคอปเตอร์ โดยเป็นการบินขึ้นและลงจอดใน “แนวดิ่ง” ต่างจากเครื่องบินทั่วไปที่ต้องวิ่งบนรันเวย์ระยะหนึ่งก่อนถึงจะบินได้
Lilium เลือกใช้ระบบ electric vertical takeoff and landing (eVTOL) หรือการเทกออฟ และแลนดิ้งแนวดิ่ง เพื่อความสะดวกในการหาพื้นที่สร้าง landing pad หรือจุดขึ้น-ลง โดยเล็งไปที่พื้นที่ในเมืองใหญ่ที่มีตลาดรองรับ
Lilium บอกว่า รถเหาะของตนมีศักยภาพบินได้ไกล 300 กม. หลังชาร์จแบตฯ 1 ครั้ง มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 300 กม./ชม.
เป้าหมายของ Lilium คือ ผลักดันให้เกิดบริการ “on-demand air taxi service” เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้โดยสาร หลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดในเมืองใหญ่ โดยลูกค้าเรียกใช้บริการและค้นหาจุด “ขึ้น-ลง” ที่ใกล้ที่สุดผ่าน “แอป” ได้สะดวกเหมือนเรียกใช้ Uber
ส่วนค่าบริการนั้น Lilium ยกตัวอย่างว่าหากบินจากตัวเมืองแมนฮัตตันไปสนามบิน JFK ใช้เวลา 6 นาที ค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 70 เหรียญ สำหรับคนมีเงินที่ “เวลา” มีค่ายิ่งกว่า “ทองคำ” ราคานี้ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงแน่นอน
แต่เส้นทางของ Lilium สตาร์ตอัพวัย 5 ขวบรายนี้ใช่จะสะดวกราบรื่น เพราะการบินทดสอบเครื่องต้นแบบล่าสุดใน ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่า เครื่องยนต์มีปัญหาจนทำให้ตัวเครื่องลุกเป็นไฟวอดไปทั้งลำ
โชคดีที่ยังมีเครื่องต้นแบบสำรองอีกลำ แต่ยังไม่ได้บินทดสอบ เพราะต้องให้ทีมงานค้นหาต้นเหตุของการระเบิดครั้งแรกเพื่อแก้ไขระบบให้เรียบร้อยก่อน
คอนเซ็ปต์ “แท็กซี่บินได้” ยังเป็นที่เย้ายวนใจของนักลงทุน เช่น เดือน มี.ค.ที่โควิดกำลังอาละวาดอย่างหนัก Lilium ระดมทุนได้ถึง 240 ล้านเหรียญ ล่าสุด แม้ธนาคารโลกจะออกมาฟันธงว่าเศรษฐกิจโลกได้รับความเสียหายอย่างหนักจนถือเป็นวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 150 ปี ก็ยังอุตส่าห์มีนักลงทุนชั้นนำหอบเงินมาให้ Lilium อีก
สัปดาห์ที่แล้ว Baillie Gifford บริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่จากสกอตแลนด์ ซึ่งเป็นนักลงทุนหลักของ Tesla โดยมีหุ้นใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก “อีลอน มัสก์” ตัดสินใจกระโดดขึ้น “รถเหาะ” ของ Lilium อีกราย โดยกำเงินมาลงทุนถึง 35 ล้านเหรียญ
การที่มีบริษัทลงทุนที่มีชื่อเสียงยาวนานเป็นร้อยปี อย่าง Baillie Gifford หนุนหลัง ทำให้ Lilium หายใจคล่องขึ้น เพราะนอกจากจะมีทุนทรัพย์มากพอในการพัฒนาเครื่องต้นแบบต่อ ยังทำให้ชื่อเสียงของบริษัทดูดีน่าเชื่อถือในสายตาของนักลงทุนรายอื่นด้วย
ตั้งแต่ก่อตั้งมา Lilium ระดมได้ทั้งสิ้น 375 ล้านเหรียญ และมีการประเมินคร่าว ๆ ว่าน่าจะมีฐานะเป็น “ยูนิคอร์น” ที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านเหรียญไปแล้ว
แน่นอนว่าการช่วงชิงกันเป็นผู้นำในตลาด “แท็กซี่บินได้” ที่หลายคนตั้งความหวังว่าจะมาพลิกโฉมการเดินทางแห่งโลกอนาคตย่อมดุเดือดเป็นธรรมดา ทำให้ Lilium มีคู่แข่งที่น่ากลัวหลายราย ไม่ว่าจะเป็น Volocopter สตาร์ตอัพสัญชาติเยอรมันที่เพิ่งระดมทุนได้ 94 ล้านเหรียญ เมื่อ ก.พ.ที่ผ่านมา หรือแม้แต่ Uber ที่ประกาศไว้ตั้งแต่ปีก่อนว่าจะให้บริการ flying taxi ในชื่อ Uber Air ในปี 2023
ใครที่เคยคิดว่า “รถเหาะ” เป็นได้แค่จินตนาการในนิยายแฟนตาซี “แฮรี่ พอตเตอร์” คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะไม่แน่เราอาจได้เห็น “รถเหาะ” ตัวจริงเสียงจริงในอีกไม่นานนี้ก็เป็นได้