แกร็บ ผนึกหน่วยงาน รัฐ เอกชน เปิดตัวโครงการตลาดสดคนไทย โครงการ 2 ชวนช้อปผักสด อาหารทะเล ส่งตรงจากมือเกษตรกรไทยถึงผู้บริโภคบน GrabMart เริ่มวันนี้ถึง 22 ส.ค นี้
วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ดร. เก่งการ เหล่าวิโรจนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า จากพันธกิจ ‘Grab For Good’ หรือ แกร็บเพื่อชีวิตที่ดีกว่า รวมไปถึงการสนับสนุนเกษตรกรไทยและร้านค้าท้องถิ่น ในการใช้แพลตฟอร์มของแกร็บเป็นตัวกลางในการเพิ่มช่องทางในการขายและเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการและเกษตรกร
- ร้อนทะลุ-โลกเดือด “เอลนีโญ” ถึง “ลานีญา” ถล่มประเทศไทย
- กดเงินไม่ใช้บัตร ATM พุ่ง 3 เท่า แห่เปิดใช้ข้ามแบงก์-เพิ่มค่าฟี
- ปิดโรงงานยอดเพิ่มเท่าตัว จับตาธุรกิจรถมือสองเสี่ยง
ล่าสุดได้ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในการจัดหาเกษตรกรและร้านค้าในกลุ่มผักและผลไม้ อาหารทะเล และเนื้อสัตว์เข้าร่วมโครงการ ‘ตลาดสดคนไทย (Thai Fresh Market)’ โครงการ 2 บนแกร็บมาร์ท (GrabMart)” บริการที่ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรที่สดใหม่ส่งตรงจากท้องถิ่นผ่านบริการแกร็บมาร์ท (GrabMart) พร้อมทั้งสนับสนุนช่องทางในการกระจายสินค้าและเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้กับเกษตรกรไทยและผู้ประกอบการรายย่อย (MSME)
ทั้งนี้ โครงการ ‘ตลาดสดคนไทย (Thai Fresh Market)’ โครงการ 2 มีเกษตรกรและร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมมากกว่า 800 ราย จาก 15 จังหวัดทั่วประเทศ เช่น กรุงเทพฯ นครปฐม นครสวรรค์ ภูเก็ต โดยจำแนกสินค้าทั้งหมดออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ อาหารทะเล เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้
สามารถสั่งซื้อผ่านบริการแกร็บมาร์ท (GrabMart) บนแอปพลิเคชันแกร็บ (Grab) ด้วยบริการส่งไวภายใน 25 นาที และเพื่อเป็นกระตุ้นการสร้างยอดขาย สนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการ พร้อมมอบส่วนลดให้ผู้ใช้บริการใหม่สูงสุด 40% เมื่อสั่งขั้นต่ำ 200 บาท โดยใช้โค้ดส่วนลด “FARM” และส่วนลดสูงสุด 180 บาท สำหรับผู้ใช้บริการปัจจุบัน เมื่อสั่งขั้นต่ำ 650 บาท โดยใช้โค้ดส่วนลด “FRESH180” ตั้งแต่วันนี้ ถึง 22 สิงหาคม 2564
“โครงการ ‘ตลาดสดคนไทย’ (Thai Fresh Market) เริ่มต้นขึ้นเมื่อกลางปี 2563 ได้รับการตอบรับที่ดีจากเกษตรกร อีกทั้งยังได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค จึงได้ต่อยอดโครงการ ‘ตลาดสดคนไทย’ โครงการ 2 บนแกร็บมาร์ท (GrabMart)
มุ่งเน้นในการส่งมอบความหลากหลายและสดใหม่ของสินค้าทางการเกษตรให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง รวมไปถึงการร่วมส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยและชุมชนเกษตรกรรมให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อขยายธุรกิจได้ดีขึ้น”
