วิกฤตเศรษฐกิจท้าทายแผนสยายปีก “แอดไวซ์ไอที” สิงห์ค้าปลีกไอทีภูธร

“แอดไวซ์ ไอที” เดินหน้าลงทุนต่อ ทั้งแปลงโฉมสาขาเดิมและขยายสาขาใหม่ พร้อมเพิ่มไลน์อัพสินค้ากลุ่มบนหวังขยายฐานลูกค้าเจน Z และกลุ่มเกมเมอร์ ยอมรับวิกฤตเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณเขย่ากำลังซื้อ แต่ยังมั่นใจปั๊มรายได้เข้าเป้า 1.9 หมื่นล้านบาทโต 25% ภายในสิ้นปี 2565

30 มิถุนายน 2565 นายณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด ผู้ประกอบการค้าส่ง และค้าปลีกสินค้าไอที กล่าวว่า บริษัทยังตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 19,000 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีที่ผ่านมา หลังจากเก็บรวบรวมข้อมูลการขายจากช่องทางต่าง ๆ ทั่วประเทศแล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค และสร้างโอกาสในการขายในฐานะผู้นำค้าปลีกในตลาดต่างจังหวัด

“ตลาดดั้งเดิมของเราคือผู้บริโภคในต่างจังหวัด แต่ปีนี้เราต้องการยกระดับแบรนด์ให้เป็น Top Of Mind ของผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนต์ด้วยการขยาย และปรับโฉมสาขาทั่วประเทศ รวมถึงการเพิ่มไลน์สินค้าที่ตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ”

ทีมผู้บริหาร แอดไวซ์ ไอที

นอกจากนี้ยังได้เพิ่มทีมขายสำหรับลูกค้ากลุ่มองค์กร (coperate team) เพื่อเจาะกลุ่มโรงเรียน และบริษัทต่างๆ โดยตั้งเป้าสร้างรายได้เพิ่มเติม คิดเป็นสัดส่วน 9% ของรายได้รวม ส่วนที่เหลือมาจากการขายผ่านสาขาของบริษัท 108 แห่ง 58% ร้านแฟรนไชส์ 227 สาขา  14% และช่องทางออนไลน์ ทั้งบนหน้าเว็บไซต์ของบริษัท และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ 19% 

ด้าน นายจักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานผลิตภัณฑ์การขาย และการตลาดบริษัทเดียวกัน กล่าวว่าบริษัทให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าด้วยการสร้างความประทับใจทั้งในแง่การเพิ่มความหลากหลายของสินค้าในระดับกลางถึงบน (Mid to High) เช่น สินค้าไฮเอนด์สำหรับเกมเมอร์, สตรีมเมอร์และครีเอเตอร์รวมไปถึงการปรับโฉมหน้าร้านทั้งการรีโนเวตหน้าร้านเก่าที่เคยเป็นตึกแถวและสร้างร้านใหม่บนห้างสรรพสินค้ารวมถึงเช่าโชว์รูมรถยนต์เก่าเพื่อทำเป็นคอมมิวนิตี้ที่มีทั้งโชว์รูมสินค้า, ร้านกาแฟ, มุมนั่งทำงานและศูนย์บริการ 

“เราทำโชว์รูมไปแล้ว 4 แห่ง ที่อุดรฯ, หนองคาย, เชียงใหม่,โคราช และจะทำเพิ่มเรื่อย ๆ รวมถึงขยายสาขาให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ส่วนการขยายกลุ่มลูกค้า เรามองไปยังเจน ซี เพราะเป็นกลุ่มที่มีความเข้าใจเทคโนโลยี และมีความต้องการที่ต่างไปจากช่วงก่อนโควิด คือเดิมกลุ่มเด็กที่เพิ่งมีความพิวเตอร์จะซื้อเครื่องราคาไม่เกิน 12,000 บาท แต่ปัจจุบันขยับมาซื้อราคาสูงขึ้น เพราะไม่ได้ต้องการ เเค่เรียนหรือทำงานเท่านั้น แต่ใช้เพื่อเล่นเกม หรือทำด้านกราฟิกด้วย แม้กำลังซื้อจะยังไม่สูงแต่มีโอกาสเติบโตและกลายเป็นลูกค้าสำคัญในอนาคตได้จึงเตรียมสร้างประสบการณ์ไว้ก่อน” 

จากเดิมราคาเฉลี่ยของลูกค้าจะที่สินค้าในกลุ่ม Sub gaming อยู่ที่ 20,000-22,000 บาทปัจจุบันขยับขึ้นมาที่ 26,000-28,000 บาท

แอดไวซ์ไอที เพิ่มไลน์สินค้าใหม่ๆ

ทั้งเริ่มนำไลน์อัพสินค้าใหม่ จากที่เคยเน้นสินค้า Mid to low แบรนด์จีนก็จะลดสัดส่วนลง หันมาเพิ่มโกลบอลแบรนด์ เช่น แบรนด์ โลจิเทค และคอร์แซร์ ซึ่งเกมเมอร์คุ้นเคยดี เป็นต้น

นายณัฏฐ์กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่าแผนธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัทในปีนี้เป็นแผนที่เตรียมไว้ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาซึ่งในไตรมาส1/2565 ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากแม้สงครามรัสเซีย-ยูเครนจะเริ่มในปลายเดือน ก.พ. แต่ยังไม่ส่งผลกระทบกับตลาดไอทีในไทยกระทั่งเกิดวิกฤตน้ำมันแพงและเงินเฟ้อจึงเริ่มเห็นผลชัดเจนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจากกำลังซื้อที่ถดถอยลง

นอกจากนี้ร้านแฟรนไชส์ในประเทศลาวที่มีอยู่ 25 สาขาก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตค่าเงินในประเทศด้วยซึ่งบริษัทได้พยายามช่วยทุกทางเท่าที่ทำได้ทั้งการดีลกับดิสทริบิวเตอร์โดยตรงเพื่อลดต้นทุนและสนับสนุนกิจกรรมทางการตลาดแต่ก็ยังหนักเพราะเป็นปัญหาเรื่องค่าเงินที่เกินกว่าศักยภาพของบริษัท 

“ส่วนปัญหาน้ำมันแพงกับการขนส่งสินค้าเริ่มเห็นในไตรมาส 2 ที่ค่าขนส่งปรับขึ้น 20% แต่มองว่าไม่เป็นปัญหามากเพราะต้นทุนส่วนนี้ยังน้อยประกอบกับผู้ผลิตสินค้าได้รับวัตถุดิบที่สั่งไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วทำให้มีสต๊อกมากพอจึงยังไม่ประกาศขึ้นราคาทำให้เรายังขายสินค้าราคาเท่าเดิมได้ทั้งยังมั่นใจว่าในวิกฤตที่ตลาดหดตัวเช่นนี้คนที่เเข็งแกร่งคือผู้ที่จะอยู่รอดเรามีระบบการจัดการที่ดีจึงน่าจะอยู่รอดและเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้”