ไมเคิล เซเลอร์ “ราชาแห่งบิตคอยน์”ลาออก ลงจากเก้าอี้ ซีอีโอ MicroStrategy เลื่อนซีเอฟโอนั่งเก้าอี้แทน เหลือแค่ตำแหน่งประธานบอร์ด ระบุต้องการเพิ่มโฟกัสกลยุทธ์ “ซื้อบิตคอยน์เพิ่มขึ้น”
วันที่ 3 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า นายไมเคิล เซเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และผู้ก่อตั้งบริษัท MicroStrategy Inc. ซึ่งเป็นบริษัทอเมริกันที่ให้บริการข่าวกรองธุรกิจ ซอฟต์แวร์มือถือ และบริการบนคลาวด์ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แต่ยังคงนั่งเป็นประธานคณะกรรมการบริษัทอยู่
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ในการนี้ นายฟง ลี่ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ จะขึ้นมาเป็นซีอีโอแทนนายไมเคิล เซเลอร์ เพื่อดำเนินธุรกิจทั้งหมดตามกลยุทธ์ของบริษัท โดยนายฟง ลี่ มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจซอฟต์แวร์ไปสู่ระบบคลาวด์ และเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการเข้าซื้อบิตคอยน์ตามแนวคิดของผู้ก่อตั้งอย่างนายไมเคิล เซเลอร์
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า การลงจากตำแหน่งของนายไมเคิล เซเลอร์ เป็นไปเพื่อรักษากลยุทธ์การ “ซื้อบิตคอยน์ให้มากขึ้น” โดยได้อ้างคำพูดของนายไมเคิล เซเลอร์ ที่กล่าวในการประชุมของบริษัทว่า
“ปัจจุบันการปรับใช้สินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ทำให้ขอบเขตงานด้านนี้ขยายไปมาก ผมจึงอยากเพิ่มการสนับสนุนงานด้านนี้อย่างสบายใจ โดยรู้ว่าซีอีโอคนใหม่อย่าง ฟง ลี่ จะดำเนินธุรกิจของ MicroStrategy ต่อไปด้วยความสามารถที่มีเต็มเปี่ยม”
ขณะที่ประกาศเป็นทางการของ MicroStrategy ระบุว่า นายไมเคิล เซเลอร์ เชื่อว่าการแยกบทบาทของประธาน และซีอีโอจะช่วยให้ดำเนินตามกลยุทธ์ในการจัดหา และถือครอง BTC เพิ่มเติม รวมถึงขยายธุรกิจซอฟต์แวร์ที่เป็นธุรกิจหลักขององค์กรไปพร้อมกันได้ดีขึ้น
“ในฐานะประธานกรรมการบริหาร ผมสามารถมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การซื้อ BTC และการริเริ่มการสนับสนุนโครงการเกี่ยวกับบิตคอยน์อื่นที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ นายฟง ลี่ จะได้รับอำนาจในฐานะ CEO ในการจัดการการดำเนินงานขององค์กรโดยรวม” นายไมเคิล เซเลอร์ กล่าว
สำหรับ MicroStrategy เป็นบริษัทเอกชนแห่งแรก ๆ ที่แปลงงบดุลของบริษัทเป็นสกุลบิตคอยน์ (BTC) และประกาศซื้อ BTC เข้ามาเก็บไว้เรื่อย ๆ ทั้งซื้อด้วยงบฯบริษัท และการใช้เงินกู้ยืมเพื่อซื้อ โดยเริ่มซื้อในช่วงฤดูร้อนปี 2563 เนื่องจากนายไมเคิล เซเลอร์ มองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ทำให้หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 170% ในปีนั้น เนื่องจากมูลค่าของบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ นายไมเคิล เซเลอร์ ยังเป็นผู้เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับบิตคอยน์ และประกาศจุดยืน “ไม่ยอมขาย” ทุกครั้งที่ตลาดคริปโตถล่มลง จนได้รับสมญา “ราชาแห่งบิตคอยน์” อีกทั้งยังเป็นผู้แนะนำ นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสล่า อิงก์ เกี่ยวกับวิธีการถือครอง BTC ไว้ในงบดุลบริษัท และเมื่อไตรมาส 2/2564 มีรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์สหรัฐว่า เทสล่าได้เข้าซื้อ BTC ด้วยเงิน 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ จำนวน 43,000 BTC กลายเป็นเอกชนที่ถือ BTC ไว้มากสุดเป็นอันดับสองรองจาก MicroStrategy
นอกจากนี้ Bloomberg ยังรายงานด้วยว่า บริษัท MicroStrategy ขาดทุนราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะบิตคอยน์ที่สูญเสียมูลค่าไปกว่าครึ่งในไตรมาส 2/2565 โดย MicroStrategy ถือครองบิตคอยน์ทั้งหมด 129,699 BTC มูลค่ากว่า 917.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) หลัง Bitcoin ปรับตัวลงมากว่า 59% ในไตรมาส 2 ปีนี้ และปรับตัวลงมากกว่า 45% จากปีที่ผ่านมา
ขณะที่ทำรายได้จากธุรกิจของบริษัท เพียง 122 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ 123 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีผลขาดทุนรวม 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาขาดทุนเพียง 299 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ “ขาดทุน 2 เท่า” ใน 12 เดือน