ทะลัก! “ลำไย” เชียงใหม่-ลำพูน ล้นตลาด 2.6 แสนตัน

ลำไยเชียงใหม่-ลำพูนทะลัก 2.6 แสนตันเดือน ส.ค.นี้ ชี้แนวโน้มราคาร่วง “เชียงใหม่” เน้นแปรรูปกว่า 8 หมื่นตัน-บริโภคสดทั้งตลาดในประเทศและส่งออกกว่า 5 หมื่นตัน ด้าน “ลำพูน” เอ็มโอยูกับเอกชนผลิตน้ำลำไยเข้มข้น รับซื้อผลผลิต 120 ตัน/วัน พร้อมป้อนลำไยสดไปจีน อินโดนีเซีย ด้านบิ๊กส่งออก “อาร์.เค.ฟู้ด” เดินเครื่องผลิตลำไยอบแห้งทั้งเปลือก 56 ล้านกิโลกรัม ส่งออกไปจีนมูลค่า 3 พันล้านบาท

ผลผลิตลำไยในฤดูปี 2560 ของภาคเหนือจะออกสู่ตลาดตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม และจะออกมากที่สุดพร้อม ๆ กันช่วงเดือนสิงหาคม โดยพื้นที่ปลูกแหล่งใหญ่คือ เชียงใหม่และลำพูน สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ คาดว่าจะมีผลผลิต 134,106 ตัน และลำพูนกว่า 120,000 ตัน

นายสมพล แสนคำ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ภาครัฐและเอกชนของจังหวัดเชียงใหม่ได้ร่วมกันวางแนวทางการบริหารจัดการผลผลิตลำไย เพื่อแก้ไขปัญหาลำไยล้นตลาดและราคาตกต่ำ โดยผลผลิตลำไยในฤดูทั้งหมด 134,106 ตัน จะใช้กลไกการตลาดในการซื้อขายปกติ อาทิ การแปรรูปลำไยที่มีความต้องการประมาณ 80,463 ตัน แบ่งเป็นโรงงานแปรรูปกระป๋อง 12,070 ตัน แปรรูปอบแห้ง 68,394 ตัน แบ่งเป็นอบแห้งเนื้อสีทอง 8,046 ตัน และอบแห้งทั้งเปลือก 60,348 ตัน

ขณะที่ความต้องการบริโภคสด มีปริมาณ 53,643 ตัน แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 16,092 ตัน และส่งออก 37,550 ตัน โดยตลาดบริโภคสดในประเทศ มีหน่วยงานที่จะเป็นกลไกหลักในการกระจายผลผลิตคือ บริษัทประชารัฐ รักสามัคคีเชียงใหม่ จำกัด 1,000 ตัน หอการค้า 500 ตัน สภาอุตสาหกรรม 500 ตัน วิสาหกิจชุมชน 3,590 ตัน องค์การตลาด 1,000 ตัน สหกรณ์การเกษตร 814 ตัน เป็นต้น

ทะลัก – ผลผลิตลำไยในฤดูปี 2560 ของภาคเหนือจะออกสู่ตลาดตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม และจะออกมากที่สุดพร้อม ๆ กันช่วงเดือนสิงหาคม โดยพื้นที่ปลูกแหล่งใหญ่คือ เชียงใหม่ คาดว่าจะมีผลผลิต 134,106 ตัน และลำพูน120,000 ตัน

ด้านนางจำเนียร แสนราชา เกษตรจังหวัดลำพูน กล่าวว่า ผลผลิตลำไยในฤดูกาลผลิตปี 2560 ของจังหวัดลำพูน คาดว่าจะมีปริมาณราว 127,934 ตัน หากคิดราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10 บาท จะมีมูลค่าทั้งหมดกว่า 1,270 ล้านบาท ซึ่งผลผลิตปีนี้เพิ่มขึ้นสูงมากเมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีปริมาณผลผลิตราว 80,000 ตัน แม้ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ แต่ก็พบว่าคุณภาพไม่ดีนัก ลูกค่อนข้างเล็ก ซึ่งคุณภาพของลำไยจะส่งผลต่อราคาขาย ประกอบกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากพร้อม ๆ กันของหลายพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถขายราคาที่สูงได้

สำหรับราคาช่วงระยะตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. 2560 ราคาลำไยช่อสด เกรด AA กิโลกรัมละ 29 บาท เกรด A 24 บาท/กก. เกรด B 19 บาท/กก. และเกรด C 10 บาท/กก. ส่วนลำไยรูดร่วง เกรด AA กิโลกรัมละ 17 บาท เกรด A 12 บาท/กก. เกรด B 7 บาท/กก. และเกรด C 2 บาท/กก. ซึ่งขณะนี้ผลผลิตเพิ่งทยอยเก็บได้ 10% ของผลผลิตทั้งหมด

ทั้งนี้จังหวัดลำพูนได้วางแนวทางการบริหารจัดการผลผลิตลำไย 127,934 ตัน โดยมุ่งส่งออกและแปรรูป 60% ซึ่งได้ทำเอ็มโอยูกับเอกชนไทยที่ผลิตน้ำลำไยเข้มข้นในอำเภอป่าซาง โดยจะรับซื้อลำไยจากเกษตรกร 120 ตัน/วันตลอดฤดูกาลนี้ นอกจากนั้นผู้ประกอบการลำไยอบแห้งในจังหวัดลำพูนจะรับซื้อลำไยเข้าสู่กระบวนการอบแห้งทั้งเปลือก และอบแห้งเนื้อสีทอง เพื่อส่งออกไปต่างประเทศด้วย ส่วนตลาดการบริโภคลำไยสดอีก 40% จะส่งออกไปตลาดจีนและอินโดนีเซีย 30-35% ส่วนที่เหลือจะเปิดตลาดโรดโชว์กระจายผลผลิตไปยังจังหวัดที่ไม่มีลำไย

นางกาญจนา พงศ์พฤกษทล รองประธานกรรมการ บริษัท อาร์.เค.ฟู้ด จำกัด ผู้ส่งออกลำไยอบแห้งทั้งเปลือกรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ผลผลิตลำไยปี 2560 ของภาคเหนือ มีปริมาณค่อนข้างมาก คาดว่าในช่วงที่มีผลผลิตออกมากเดือน ก.ค.-ส.ค. 60 โรงงานในเครือทั้ง 4 แห่งจะมีกำลังการผลิตลำไยสดรวม 56 ล้านกิโลกรัม (แปรรูปเป็นลำไยอบแห้งทั้งเปลือกได้กว่า 56,000 ตัน)

“ผลผลิตที่ออกมาก จะส่งผลดีต่อการส่งออก เนื่องจากตลาดจีนยังคงมีความต้องการลำไยอบแห้งทั้งเปลือกแบบไม่จำกัด ปัจจุบันโรงงานอาร์.เค.ฟู้ด ที่อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เป็นฐานการผลิตใหญ่ที่สุด มีเตาอบลำไยมากกว่า 60 ตู้ ส่วนโรงงานที่ อ.พาน อ.เทิง และ อ.แม่สรวย จังหวัดเชียงราย เป็นการร่วมทุนกับกลุ่มทุนจีนส่งไปขายในตลาดจีน”

นางกาญจนากล่าวต่อว่า ผลผลิตลำไยอบแห้งทั้งเปลือกส่งออกไปประเทศจีน 100% ตลาดเติบโตขึ้นทุกปี โดยบริษัทสามารถกระจายสินค้าเข้าไปได้เกือบทุกมณฑล ซึ่งปีนี้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นราว 10% คาดว่ามูลค่าการส่งออกปี 2560 จะอยู่ที่ราว 3,000 ล้านบาท