ลุ้นเปิดด่าน “พุน้ำร้อน” กระตุ้นการค้า-ลงทุนเมืองกาญจน์

ด่านพุน้ำร้อน

ปัจจุบันการค้าชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านกำลังฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ หลังจากมาตรการควบคุมโควิด-19 คลี่คลายลง ต่างจากเขตชายแดนกาญจนบุรีที่ยังคงติดหล่มรอความเคลื่อนไหวของประเทศเมียนมา

ซึ่งอยู่ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่มีความไม่แน่นอน ถึงกระนั้นยังเป็นจุดยุทธศาสตร์การค้าชายแดนสำคัญของประเทศ มีมูลค่าการนำเข้า-ส่งออก สินค้ารวมหลายหมื่นล้านบาท

“อิศเรศ รุ่งเรืองชนบท” นายด่านศุลกากรสังขละบุรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ด่านพรมแดนพระเจดีย์สามองค์และด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อน อยู่ภายใต้การดูแลของด่านสังขละบุรี หากย้อนไปดูตัวเลขการนำเข้า-ส่งออก พบว่ามีมูลค่ารวมหลายหมื่นล้านบาท ในปีงบประมาณ 2564 มีตัวเลขนำเข้ากว่า 51,570 ล้านบาท

สินค้าส่วนใหญ่เป็นก๊าซ ส่งผ่านช่องบ้านอีต่องของศูนย์ปฏิบัติการระบบท่อก๊าซเขต 8 ไทรโยคของ ปตท.กว่า 90% ขณะที่การส่งออกมีตัวเลขเพียง 508 ล้านบาท เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น กุ้งแช่เย็น ปลากะพงแช่เย็น น้ำมันดีเซล เครื่องปรุงรส เป็นต้น

สำหรับด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อนเป็นด่านศุลกากรแห่งใหม่ที่เพิ่งสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2562 มูลค่าโครงการกว่า 711 ล้านบาท บนเนื้อที่ 1,307 ไร่ มีความสำคัญในด้านภูมิศาสตร์เชื่อมภาคตะวันตกและตะวันออก รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต

ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานยังต้องแก้ไขเพิ่มเติมและพัฒนาอีกมาก โดยปีงบประมาณ 2564 มีมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 613 ล้านบาท การส่งออก 204 ล้านบาท สินค้านำเข้าสูงสุดอันดับแรกคือ ปลาหมึกกล้วยทั้งตัวแช่เย็น มูลค่าประมาณ 291 ล้านบาท ถัดมาเป็นหอมแดงพม่า 67 ล้านบาท ปลาดาบลาวทั้งตัวแช่เย็น 64 ล้านบาท และสินค้าอื่นตามลำดับ

ส่วนสินค้าส่งออกมูลค่าสูงสุดอันดับแรกคือ ปลากะพงขาวทั้งตัวแช่เย็น 29 ล้านบาท ถัดมาคือก๊าซ LPG 26 ล้านบาท ชิ้นส่วนเนื้อไก่สดแช่แข็ง 18 ล้านบาท รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภคอื่น ๆ ตามลำดับ

ขณะที่ตัวเลขสินค้านำเข้า-ส่งออกล่าสุด (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ประจำปีงบประมาณ 2565 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564-เดือนกรกฎาคม 2565 ด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อนมีมูลค่าการนำเข้าเบื้องต้น 369 ล้านบาท ส่วนใหญ่อันดับแรกที่ระบุไว้คือ อาหารทะเล หอมแดงพม่า หอมแขก หอยตลับมีชีวิต ตัวเลขส่งออก 102 ล้านบาท สินค้าหลักคือ บุหรี่ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว อุปกรณ์ก่อสร้าง เครื่องปรุงรส

“ด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อนถือว่าเป็นด่านมาตรฐาน แยกตรวจคนกับสินค้าออกจากกันอย่างชัดเจน แต่ช่วงเดือนมีนาคม 2563 ที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 เป็นต้นมา บุคคลไม่สามารถเดินทางเข้าออกได้เป็นปกติเว้นแต่มีเหตุจำเป็น

ต่อมาทางฝั่งเมียนมาประสบปัญหาการเมือง ส่งผลกระทบต่อการค้าขายข้ามแดน ภาพความเคลื่อนไหวจนถึงปัจจุบันจึงไม่คึกคักเท่าที่ควร ส่วนฝั่งไทยพร้อมเปิดการค้า 100% ถ้าสถานการณ์ของเมียนมานิ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าชายแดนที่สำคัญ สามารถนำไปสู่การเชื่อมต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษต่อไป”

“เทอดศักดิ์ กิตติวรากูร” ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าชายแดนไทย-เมียนมา (บ้านพุน้ำร้อน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มูลค่าการค้าชายแดนของด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อนโตขึ้น 100% ทุกปี

แต่พอโควิดระบาดทำให้ภาพการเดินทางสัญจรไปมาระหว่างพรมแดนเริ่มชะลอตัว และหากเปรียบเทียบกับตัวเลขการค้ามูลค่าไม่โตแต่ก็ไม่ลดลง กระทั่งเกิดสถานการณ์ทางการเมืองภายในเมียนมา จึงยังไม่มีความแน่นอน ถ้ารัฐบาลไทยสามารถเจรจาให้กลับมาเปิดด่านให้เป็นปกติได้ในเร็ววัน ความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจจะกลับมาชัดเจนและเติบโตขึ้นในทันที

ทั้งนี้ ด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อนถือเป็นโมเดลถูกออกแบบมาตั้งต้น ให้ใช้สำหรับการตั้งด่านศุลกากรที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ที่สำคัญด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อนเป็นเส้นทางเชื่อมโครงการ “อีสต์-เวสต์ คอร์ริดอร์” (East-West Economic Corridor) นำการค้าไทยสู่การค้าโลก เป็นศูนย์กระจายสินค้าจากเมียนมาเข้ามายังจังหวัดกาญจนบุรีออกไปกัมพูชา และเวียดนาม

“เราถือเป็นศูนย์กลางของเส้นทางการกระจายสินค้าในอาเซียน จากภูมิภาคตะวันตกซึ่งคือประเทศเมียนมาไปสู่ประเทศทางฝั่งตะวันออก และตอนนี้เริ่มมีสินค้ามาขอผ่านแดนไปประเทศที่ 3 แล้ว ทั้งสินค้าเกษตร สินค้าจากโรงงาน เป็นสิ่งที่ภาครัฐลงทุนและคาดหวังเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ

ฉะนั้นเราจะเริ่มเห็นทราฟฟิกโลจิสติกส์จากบริษัทต่าง ๆ ที่เคยอยู่ท่าเรือแหลมฉบังเริ่มเข้ามาทางด่านนี้เพื่อใช้เป็นทางเชื่มอต่อหาลูกค้า หากโครงการสร้างถนนของไทยเชื่อมกับทางเมียนมาที่ทางรัฐบาลไทยเคยเจรจาไว้สามารถดำเนินการได้จนแล้วเสร็จ จะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่เพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนของจังหวัดกาญจนบุรีได้หลาย 10 เท่า”

“วิเชียร เจนตระกูลโรจน์” ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันการค้าชายแดนของจังหวัดกาญจนบุรีถือว่ากำลังเริ่มเดินหน้าในทุกมิติ แต่การค้าผ่านด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อนต้องดูปัจจัยฝั่งเมียนมาด้วย

หากการเมืองฝั่งเมียนมาไม่สงบหรือไม่มีการลงทุน ฝั่งไทยทั้งภาครัฐและเอกชนก็ไม่สามารถลงทุนได้เช่นกัน โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ต่างเฝ้ารอกันอยู่ เพราะนอกจากพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษแล้วบริเวณอื่นก็ติดเขตอุทยานหรือไม่ก็เป็นเขตพื้นที่ทหาร มีหลาย พ.ร.บ.ซ้อนทับกัน

“จังหวัดกาญจนบุรีก็เป็นเมืองน่าลงทุนอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย เริ่มมีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก เป็นเมืองโอเอซิสสำหรับการลงทุนในอนาคตอีก 5-10 ปี สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งแก้เพื่อให้เกิดการค้าการลงทุนนอกเหนือจากการค้าชายแดนคือ ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินให้กับประชาชน ให้สามารถระบุสิทธิที่ดินได้ว่าเป็นของใครและหน่วยงานไหน เพราะเรื่องนี้ถือเป็นปัญหาหลักที่สะสมมานานแล้ว”