นักท่องเที่ยวอินเดียทะลักเข้าภูเก็ต หลังเปิดเส้นทางบินตรง’นิวเดลี-ภูเก็ต’

นักท่องเที่ยวอินเดีย

ภูเก็ตผนึก ททท.เร่งจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดอินเดีย หลังเปิดเส้นทางบินตรง “นิวเดลี-ภูเก็ต” คาดสิ้นปี 2566 ตลาดอินเดียทำรายได้ทะลุ 6.5 หมื่นล้านบาท

วันที่ 15 ธันวาคม 2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรมต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์สายการบิน Air India เที่ยวบิน AI378 บินตรงจากกรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ถึงท่าอากาศยานภูเก็ต

โดยมีนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางพัฒน์สี เพิ่มวงศ์เสนีย์ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นายมนต์ชัย ตะโหนด ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต รวมทั้งผู้บริหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ

นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การเปิดเที่ยวบินตรงจากกรุงนิวเดลีสู่ภูเก็ตในวันนี้ นับเป็นโอกาสที่ดีของจังหวัดภูเก็ตที่จะได้แสดงศักยภาพและความพร้อมในการเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดเป้าหมายสำคัญของจังหวัดได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสอดรับกับมาตรการ Visa Exemption ที่ทำให้การเดินทางมีความสะดวก

นักท่องเที่ยวอินเดีย

ประกอบกับอยู่ในช่วงฤดูการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต หาดทรายชายทะเลมีความสวยงาม มีสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวใหม่ ๆ มากมาย ที่คาดว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย อาทิ ธีมปาร์ค Carnival Magic สวนน้ำ Andamanda พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Aquaria เป็นต้น

ด้านนางพัฒน์สี เพิ่มวงศ์เสนีย์ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า เส้นทางบินตรงจากกรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย สู่ท่าอากาศยานภูเก็ต ประเทศไทย

โดยสายการบิน Air India จะอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ช่วยให้การเดินทางสู่ภูเก็ตซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ นับว่าเป็นแรงหนุนสำคัญที่จะมาช่วยเสริมมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราให้แก่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียของรัฐบาล ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566-10 พฤษภาคม 2567

โดยตั้งแต่เริ่มมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 4,000 คนต่อวัน เป็น 5,000-5,500 คนต่อวัน โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วกว่า 1.5 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงรัฐบาลอินเดียมีนโยบาย Connect India to the World ส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวของพลเมือง และเศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มฟื้นตัวดี

ทั้งนี้ ททท. สำนักงานนิวเดลี และมุมไบ ได้เร่งจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดร่วมกับพันธมิตรในพื้นที่กระตุ้นนักท่องเที่ยว กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ Incentive กลุ่มกอล์ฟ และกลุ่มคู่แต่งงานและฮันนีมูน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง รวมถึงสร้างการรับรู้ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการแต่งงานของชาวอินเดียอีกด้วย

สำหรับเที่ยวบินตรงสายการบิน Air India เส้นทางกรุงนิวเดลี-ภูเก็ต เริ่มให้บริการในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 โดยจะให้บริการสัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน ด้วยเครื่องบินแอร์บัส A320 Neo รองรับผู้โดยสาร 162 คนต่อเที่ยวบิน ซึ่งจะออกจากกรุง

นิวเดลีทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ และจะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินจาก 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็นเที่ยวบินรายวันในเดือนมกราคม 2567 โดยเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงนิวเดลีและภูเก็ตที่เพิ่มขึ้นนี้ ส่งผลให้ความจุจำนวนที่นั่งสายการบินระหว่างสาธารณรัฐอินเดียและประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 2,438,043 ที่นั่ง อัตราการฟื้นตัวร้อยละ 77 เมื่อเทียบกับปี 2562

จากข้อมูลสถิติตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-10 ธันวาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วจำนวน 1,506,287 คน โดยมีค่าใช้จ่ายทางการท่องเที่ยวเฉลี่ยประมาณ 39,500 บาท/คน/ทริป ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตนเอง (FIT) คิดเป็นร้อยละ 75 แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต กระบี่ และพังงา

ตลอดจนมีกิจกรรมยอดนิยม ได้แก่ รับประทานอาหารไทย การชมแสงสียามค่ำคืน กิจกรรมชายหาด นวดและสปา โดย ททท. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีศักยภาพสูง ได้แก่ กลุ่มครอบครัว กลุ่ม Millennials กลุ่ม Health & Wellness กลุ่ม Wedding & Honeymoon และกลุ่ม Golfer

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในสิ้นปี 2566 ตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียจะสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวสูงถึงกว่า 65,600 ล้านบาท

นักท่องเที่ยวอินเดีย

ด้านนายมนต์ชัย ตะโหนด ผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวว่า การต้อนรับสายการบินแอร์อินเดียเที่ยวบินปฐมฤกษ์ในวันนี้กำหนดอยู่ที่ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ใช้เครื่องบินขนาด A320 และหลังปีใหม่นี้ได้รับทราบว่าจะทำการบินทุกวันสัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาจังหวัดภูเก็ต อันดับ 1 ยังเป็นรัสเซีย รองลงมาจีนและอินเดีย ส่วนของจีนอยู่ที่ประมาณ 30-40% ถ้าเทียบกับปี 2562 ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไป เฉลี่ยเดือนมกราคมประมาณ 26,000 คน รวมทั้งเข้าทั้งออก ถ้าเทียบกับปี 2562 จะอยู่ที่ 31,000 คน อยู่ที่ 75% ส่วนนักท่องเที่ยวในประเทศถ้าเทียบแล้วอยู่ที่ ประมาณ 98-99% ของปี 2562

อย่างไรก็ตาม สิ้นปี 2566 ยังมีความกังวลอยู่คือทางการจีนมีการส่งเสริมการเดินทางภายในประเทศค่อนข้างมาก ดังนั้น จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางออกภายนอกประเทศยังมีน้อย คาดว่าสถานการณ์จะกลับมาดีขึ้นประมาณซัมเมอร์ปี 2567 หรืออาจจะถึง High Season ในปี 2567 ซึ่งตอนนี้กำลังเร่งทำตลาดจีน แต่ขึ้นกับเศรษฐกิจของทางจีนเป็นหลักด้วย” นายมนต์ชัยกล่าว

นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า อินเดียถือเป็นตลาดสำคัญอีกตลาดหนึ่ง เป็นตลาดระยะใกล้ ลูกค้าเดินทางได้สะดวก ทำให้มีจำนวนของนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้ามาใน จ.ภูเก็ต จำนวนมากขึ้น

การต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบิน Air India ที่ทำการบินตรง (Direct Fight) สู่ท่าอากาศยานภูเก็ตในวันนี้ (15 ธ.ค.) ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพราะการเปิดเส้นทางบินตรงจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้สะดวกขึ้น

“ตอนนี้สิ่งที่นักท่องเที่ยวมองหา คือความสะดวกสบายในการเดินทาง เป็น 1 ใน Factor ที่นักท่องเที่ยวมอง นอกจากเรื่อง Regulation เรื่องวีซ่าแล้ว Direct Fight เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญค่อนข้างมาก นักท่องเที่ยวอินเดียนิยมมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งมีหลายตลาด ตั้งแต่ตลาด luxury มาก ๆ และตลาดเวดดิ้ง ตลาดชายทะเลอย่างภูเก็ต หรือนิยมไปช็อปปิ้งในกรุงเทพฯ

ซึ่งคนอินเดียกับคนไทยมีวัฒนธรรมคล้ายกัน มีข้อแตกต่างบ้าง เช่น อาหารการกิน เป็นต้น ทุกภาคส่วนมีการปรับตัว และทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตได้ผลักดันให้เกิดการเรียนรู้วัฒนธรรมด้านอาหารของคนอินเดีย มีการฝึกอบรมไป 1-2 ครั้งแล้ว และจะร่วมกันทำในหลายกิจกรรม เช่น การจัดกิจกรรม “ดิวาลี” (Diwali) ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญของคนอินเดีย ซึ่งปีที่ผ่านมามีหลายภาคส่วน ทั้งโรงแรม ห้างเซ็นทรัล ภูเก็ต เข้ามาช่วยกันจัดเทศกาลดิวาลี เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว” นายธเนศกล่าว