
วงการส่งออกทุเรียนแสนล้านยังระอุ 3 สมาคมส่งออก-กลุ่มเกษตรกรวิ่งโร่ ยื่นหนังสือ “ธรรมนัส” จี้รัฐแก้ไขกระบวนการตรวจสารย้อมสี BY2 ล่าช้า เผยจากไทยไปถึงด่านจีนเจอตรวจ 100% ใช้เวลารวมถึง 15 วัน กระทบทุเรียนเสียหาย
หลังจากสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) แจ้งพบทุเรียนไทยใช้สารย้อมสี Basic Yellow 2 หรือ BY2 ซึ่ง WHO ระบุเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B จีนกำหนดต้องแนบผลตรวจ BY2 ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2568
นายมณฑล ปริวัฒน์ รักษาการสมาคมผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน มังคุด และที่ปรึกษาสมาคมการค้าผลไม้ยุคใหม่เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 สมาคมผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน มังคุด สมาคมการค้าผลไม้ยุคใหม่ และสมาคมนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรไทย-จีน จ.จันทบุรี และกลุ่มเกษตรกร ได้เข้าพบ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อยื่นหนังสือขอให้พิจารณาปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบสารตกค้างในผลไม้ส่งออก
โดยมีข้อหารือคือ 1) มาตรฐานกรมวิชาการเกษตร โดยหลักการตรวจแคดเมียมและ BY2 มีความเข้มข้นมาก มีปัญหาเงื่อนไขเรื่องเวลาใช้ตรวจ 3 วัน รวมทั้งต้องรอเอกสารตัวจริงแนบไปกับรถ หากตรวจผ่านใช้เวลาเดินทางอีก 7-8 วัน ไปถึงด่านจีน ซึ่งมีมาตรการตรวจ 100% รออีก 3-7 วัน รวม ๆ ทั้งหมด 15 วัน ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวมีผลกระทบต่อคุณภาพสินค้าและความมั่นใจของผู้บริโภค
2) การเพิ่มบุคลากรและแล็บตรวจ โดยปัจจุบันมีแล็บ 6 แห่ง ตรวจได้ 700-800 ตัวอย่าง/วัน และจะเพิ่มอีก 4 แห่งตรวจเพิ่มได้ 1,300-1,500 ตัวอย่าง/วัน จำนวนดังกล่าวนี้ยังไม่เพียงพอกับปริมาณผลผลิตภาคตะวันออกที่จะออกมาจำนวนมาก 3) ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นปัญหาเล็กที่สุด
ทั้งนี้ ได้เสนอการเพิ่มปริมาณแล็บ โดยพิจารณาแล็บของมหาวิทยาลัยในพื้นที่จันทบุรีมีอยู่ 3 แห่ง ที่มีความพร้อม แต่ยังไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนจากกรมวิชาการเกษตรรับรอง และให้บริษัทแล็บเอกชนมาเปิดห้องปฏิบัติการในพื้นที่ เพื่อให้ออกเอกสารได้รวดเร็วมากกว่าการส่งไปรษณีย์ EMS เพราะจีนต้องการเอกสารตัวจริง ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัสบอกว่าจะประสานกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพิ่มห้องแล็บตรวจสาร BY2 โดยใช้แล็บของมหาวิทยาลัยทุกแห่งเข้ามาช่วยแก้ปัญหา เพื่อรองรับฤดูกาลทุเรียนภาคตะวันออก
นายมณฑลกล่าวต่อไปว่า ตามประกาศกรมวิชาการเกษตรสร้างความสับสน ถ้ากรณีส่งออก 3 ตู้ มี 2 ตู้ผ่านไม่พบสารใด ๆ แต่อีก 1 ตู้ไม่ผ่าน ทางกรมจะอายัดทั้ง 3 ตู้ไม่ให้ส่งออก โดยสั่งระงับเลข DOA GMP และทำลายสินค้าที่ตรวจพบ ดังนั้น เพื่อไม่ให้สูญเสียมาก เพราะต้นทุนตู้ละ 4-5 ล้านบาท และมีผลกระทบไปถึงชาวสวน ขอให้พิจารณาตรวจซ้ำหาสาเหตุให้แน่ชัดก่อน มีเจตนาใส่สีหรือไม่ พบสารเคมีตู้ไหนควรระงับเฉพาะตู้นั้น การระงับ DOA GMP กระทบการส่งออกทุเรียนที่มีมูลค่ารวมถึง 1 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ยังควรมีการตรวจแคดเมียมและ BY2 ตั้งแต่ก่อนตัด เหมือนการตรวจวัดเปอร์เซ็นต์แป้ง หากตรวจตั้งแต่ต้นทางจะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน ต้องเร่งให้มีแล็บตรวจเพียงพอ ถ้าสร้างความเชื่อมั่นให้จีนได้ จีนจะลดการตรวจ 100% ลง
ทั้งนี้ ล่าสุดวันที่ 21 ม.ค. 68 กรมวิชาการเกษตรอายัดทุเรียนที่ด่านตรวจพืชสุวรรณภูมิ 2 ชิปเมนต์ หลังพบมีสีเหลือง สีเขียวติดที่เปลือกทุเรียน และเก็บตัวอย่างไปตรวจไม่พบสารต้องห้าม แต่เกิดผลกระทบต่อชาวสวน เพราะแผงค้าไม่รับซื้อทุเรียนที่มีคราบยาที่ขั้ว เปลือก ซึ่งการตรวจสารปนเปื้อนควรใช้ผลแล็บชัดเจนก่อน