ตากออกประกาศ 7 ข้อ คุมการเคลื่อนย้ายคนเข้า-ออก 4 ชุมชนกลุ่มเสี่ยงสูง 

จังหวัดตากออกประกาศเร่งด่วน 7 ข้อ คุมการเคลื่อนย้ายคนเข้า-ออก 4 ชุมชนกลุ่มเสี่ยงสูง พร้อมสั่งห้ามจัดกิจกรรมทุกประเภท สั่งปิดรร.-สถานบันเทิง ผับ-บาร์-สปา ส่วนร้านอาหารเปิดได้แต่ต้องสั่งไปกินที่บ้าน ป้องกันโควิดระบาดในแม่สอด และอำเภอใกล้เคียง

วันที่ 17 ตุลาคม 2563 เวลา 22.30 น. นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตาก และผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดตาก ได้ออกประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตาก ฉบับที่ 31/2563 เรื่องมาตรการป้องกัน ควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

หลังจากที่สุ่มตรวจหาเชื้อเชิงรุกในกลุ่มพนักงานขับรถและพนักงานประจำรถชาวเมียนมาที่เข้ามาขนส่งสินค้า ณ จุดผ่านแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 และในย่านชุมชนต่างๆ พบติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ราย และพบบุคคลที่อาศัยในย่านชุมชนมะดีนะห์ ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 5 ราย

ดังนั้น เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่อ.แม่สอด และพื้นที่อ.ใกล้เคียง อาศัยอำนาจตามมาตรา 35 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ประกอบกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558(ฉบับที่3) ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตาก จึงออกประกาศ 7 ข้อ ได้แก่

1.ห้ามผู้ใดเข้าไปหรือออกจากย่านมะดีนะห์ และย่านถุงทอง ในชุมชนวัดหลวง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานควบคุมโรคติดต่อ

2.ให้งดการปฏิบัติศาสนกิจ และศาสนพิธีของทุกศาสนาที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ณ สถานที่ใดๆ ในเขตพื้นที่ชุมชน 4 ชุมชนในเขตเทศบาลนครแม่สอด ได้แก่ ชุมชนวัดหลวง ชุมชนอิสลาม ชุมชนบ้านทุ่ง ชุมชนบัวคูณ และบ้านแม่ตาวใต้ หมู 1 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากนายอำเภอแม่สอด ผู้ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ

3.ให้งดการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภท เพื่อจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใด ๆ ในโรงเรียนสรรพวิทยาคม โรงเรียนราษฎร์วิทยา โรงเรียนอิสลามศึกษา โรงเรียนอนุบาลการุณย์ โรงเรียนบ้านหัวฝ่าย ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดตาก สาขาแม่สอด ศูนย์จริยธรรมมัสยิดอันซอร์ ศูนย์จริยธรรมมัสยิดอินซอร์(2) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมัสยิดนูรุ้ลอิสลาม เป็นเวลา 7 วัน นับแต่วันที่ออกประกาศฉบับนี้

4.การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มในโรงแรม ท่าอากาศยาน สถานีขนส่ง โรงพยาบาล ร้านอาหาร หรือเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ รถเข็น หาบเร่ แผงลอย ในพื้นที่อำเภอแม่สอดให้เปิดจำหน่ายได้โดยให้นำกลับไปบริโภคที่บ้าน

5.ร้านค้าปลีก / ค้าส่งขนาดย่อม ร้านค้าปลีก/ค้าส่งชุมชน ร้านสะดวกซื้อ ตลาด ตลาดสด ตลาดถนนคนเดิน ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และร้านค้าในลักษณะเดียวกัน ในพื้นที่อำเภอแม่สอดให้เปิดได้ โดยต้องควบคุมการเข้า-ออก จัดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้ให้ และผู้ใช้บริกร การเว้นระยะห่างในการเลือกสินค้า และการชำระราคา

โดยต้องจัดระเบียบการเข้าใช้บริการตามมาตรการป้องกันโรคที่ราชการกำหนด ให้เจ้าของหรือผู้จัดการสถานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ การดูแลรักษาความสะอาดของสถานที่ ภาชนะอุปกรณ์ที่ใช้ และจัดให้มีมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด รวมทั้งให้ปฏิบัติตารมแนวทางควบคุมหลัก และมาตรการเสริมตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

หากพบว่ามีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว หรือเป็นอันตรายต่อการป้องกันการแพร่ของโรค อาจมีความผิดตามกฎหมาย และถูกสั่งปิดสถานประกอบการ สถานที่นั้นเฉพาะราย และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดระเบียบตามแนวทางการปฏิบัติของสถานประกอบการ สถานที่หรือทำกิจกรรมในพื้นที่ โดยกำชับผู้ประกอบการ ผู้จัดสถานที่ที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดโดยเคร่งครัด รวมทั้งประชาสัมพันธ์ และขอความร่วมมือจากประชาชนที่เข้าใช้บริการสถานประกอบการ สถานที่ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดโดยเคร่งครัด

6.ให้ปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ นวด และสปาในพื้นที่อำเภอแม่สอด

7.ห้ามผู้ใดจัดกิจกรรม ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุ่มประชุมกันหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย เช่น การประชุม สัมมนา การแจกจ่ายอาหารหรือสิ่งของ การจัดเลี้ยง การจัดกิจกรรมในสวน หรือสวนสาธารณะ การจัดกิจกรรมตามเทศกาล ประเพณี ในเขตอำเภอแม่สอด เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตากเป็นรายกรณี และต้องเว้นระยะห่างทางสังคมระหว่างผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างน้อย 1 เมตร สถานที่จัดทำกิจกรรมต้องโล่งแจ้งหรือไม่แออัด ใช้ระยะเวลาทำกิจกรรมไม่นาน และมีมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดในกรณีเป็นการประชุม การสัมมนา

ทั้งนี้หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับเกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อพ.ศ.2558 และอาจมีความผิดตามมาตรา 8 แห่งพ.ร.บ.พระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2563เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง