หอการค้าเชียงใหม่ ชี้เศรษฐกิจปี64 ปัญหาว่างงาน-หนี้เสียพุ่ง

หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่สรุปผลกระทบเศรษฐกิจปี 63 ทรุดทั้งระบบ ท่องเที่ยวเดินไม่เต็มสูบ นักท่องเที่ยวลด 47% ต่างประเทศวูบ 82% รายได้ลดลงถึง 55% คงเหลือ 42,896 ล้านบาท พร้อมผลักดันจับคู่เมืองท่องเที่ยว และใช้มาตรการวีซ่าท่องเที่ยวพิเศษควบคู่วีซ่าสุขภาพ ประเมินเศรษฐกิจปี 64 เตรียมรับประเด็นอัตราการว่างงานและปัญหาหนี้เสียพุ่ง

นายวโรดม ปิฎกานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2563 หดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนจากวิกฤต COVID-19 แต่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ 3 จากมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ ทำให้การบริโภคภาคเอกชนและท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว การจองห้องพักโรงแรมช่วงปีใหม่เพิ่มขึ้น แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักช่วงเดือนธันวาคม จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ กระทบความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวมาก การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัว ส่วนหนึ่งจาก COVID-19

อย่างไรก็ตาม รายได้เกษตรกรเพิ่มจากปีก่อน ส่วนการลงทุนภาคเอกชนทรงตัวในเกณฑ์ต่ำ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ยังคงเปราะบางโดยเฉพาะการจ้างงานในธุรกิจท่องเที่ยว อัตราการว่างงานปี 2563 เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 2.1 เทียบกับร้อยละ 0.9 ปี 2562 รวมถึงปัญหาสภาพคล่องและหนี้สินที่พุ่งสูงขึ้น

ทั้งนี้ หากประเมินภาพรวมทั้งปีของปี 2563 พบว่า สาขาบริการด้านการท่องเที่ยวหดตัวรุนแรง ผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ ไตรมาสที่ 2 หดตัวถึงร้อยละ 93.6 เหลือ 0.16 ล้านคน เทียบกับ 2.52 ล้านคน ปีก่อน และไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ส่งผลต่อการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน การส่งออกและการจ้างงานหดตัวรุนแรง โดยไตรมาสที่ 3 และสองเดือนแรกของไตรมาสที่ 4 ปี 2563 ปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนและท่องเที่ยว หลังรัฐบาลผ่อนคลายการควบคุม ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 4 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่หลังจากพบผู้ติดเชื้อที่มาจากเมียนมาต่อเนื่องถึงต้นปี และการระบาดรอบที่สองเศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวยังไม่คลี่คลายขึ้น

โดยสรุปตลอดทั้งปี 2563 มีนักท่องเที่ยวลดลง 47% คงเหลือนักท่องเที่ยวชาวไทย 4.4 ล้านคน นักท่องเที่ยวต่างประเทศ 561,005 คน ลดลง 82% ทำให้รายได้ลดลงถึง 55% คงเหลือ 42,896 ล้านบาท อัตราการเข้าพักโรงแรมตลอดทั้งปีเฉลี่ย 40% ลดลงร้อยละ 33 ผู้โดยสารทางเครื่องบินในช่วงเดือนธันวาคมที่เริ่มลดลงจากวันละ 74 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารประมาณ 15,000 คน คงเหลือในปัจจุบันถึงเดียวกุมภาพันธ์ เพียง 14 เที่ยวบิน ผู้โดยสาร ประมาณ 4,000 คน ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 3 ของปีนี้น่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ โดยปัจจัยหลักคือการเร่งฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้ครอบคลุมและได้ผลดี ก็จะสร้างความมั่นใจการเดินทางท่องเที่ยวขยับขึ้น

นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ของจังหวัดเชียงใหม่มนปี 2563 พบว่ายอดขายหดตัวลงถึง 30% จากกำลังซื้อทาลดลง อันเนื่องมาจากภาวะเศษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ก็พบว่าเทรนด์การซื้อรถยนต์เปลี่ยนไปคือ รถกระบะได้รับความนิยมมากขึ้น ยอดขายมีการขยายตัวมากขึ้น ซึ่งจากเดิมสัดส่วนการขายรถกระบะและรถยนต์นั่งอยู่ที่ 50:50 แต่ขณะนี้ในภาพรวมสัดส่วนรถกระบะเพิ่มขึ้นเป็น 70% โดยพบว่ามีการซื้อรถกระบะไปใช้เพื่อการทำธุรกิจค้าขาย เนื่องจากเทรนด์การค้าขายในปัจจุบันจะเคลื่อนทื้ข้าหาลูกค้า ทำให้รถกระบะมีทิศทางการขายที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ในปี 2564 จะยังคงหดตัวและคาดว่าจะแย่กว่าปี 2563 อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอตัวมากในปีนี้

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2564 มีปัจจัยที่มีผลต่อเศรษฐกิจเชียงใหม่ได้แก่มาตรการและการควบคุมโรคระบาด COVID-19 ที่ต่อเนื่อง ทั้งนี้จากการติดตามและประเมินสถานการณ์แล้วคาดว่าการจับคู่ท่องเที่ยวระหว่างประเทศอาจเกิดขึ้นในปี 2564 นี้ โดยการใช้มาตรการวีซ่าท่องเที่ยวพิเศษ (Special Tourist Visa) พร้อมกับวีซ่าสุขภาพ ซึ่งในระยะแรกอาจเริ่มเปิดเป็นรายพื้นที่เพื่อควบคุมและคัดกรองโรคได้ง่าย โดยมุ่งจังหวัดที่พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) เป็นต้น หากทำได้ก็จะทำให้เกิดการเริ่มหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ แม้ว่าในช่วงแรกการจับคู่ท่องเที่ยวจะยังไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมาไทยมากเท่าที่ควร แต่น่าจะช่วยเพิ่มความพร้อมต่อการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะต่อไป โดยมีปัจจัยที่สำคัญคือการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมกับการเยียวยาและแก้ไขปัญหาที่กระทบด้านการท่องเที่ยวเรื่องสภาพคล่องและการปรับโครงสร้างหนี้