งาน “บั้งไฟพญานาค” หนองคายคึกคักยอดจองโรงแรมพุ่ง 80%

จังหวัดหนองคายพร้อมรับนักท่องเที่ยวชม “บั้งไฟพญานาค” ช่วงออกพรรษาปี 2564 โดยเฉพาะในวันที่ 21 ตุลาคม คาดว่าจะมีประชาชนเข้ามาในจังหวัดไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน ขณะที่โรงแรมที่พักถูกจองไว้แล้วกว่า 80%

นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า สำหรับวันออกพรรษาในปี 2564 นี้ตรงกับวันที่ 21 ต.ค. 2564 ซึ่งจังหวัดหนองคายยังคงดำเนินการจัดกิจกรรมให้คงอยู่สืบไป ให้ประชาชนคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติได้รับรู้ถึงวัฒนธรรมและประเพณีที่มีการสืบสานกันมาอย่างยาวนาน พิกัดการรับชมบั้งไฟพญานาคจะกระจายอยู่ตามจุดสำคัญต่าง ๆ หลายจุดในเขตอำเภอโพนพิสัย และอำเภอรัตนวาปี

ขณะที่กิจกรรมต่าง ๆ จะมีการลดขนาดลง โดยให้แต่ละอำเภอเป็นผู้พิจารณาเองส่วนทางจังหวัดจะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่เดินทางมาชมบั้งไฟพญานาคปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข และมีหน่วยงานจังหวัดเข้าควบคุมดูแล

ทั้งนี้ ช่วงวันออกพรรษาของทุกปีจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในจังหวัดเป็นจำนวนมาก จากการตรวจเช็กพบว่าปีนี้โรงแรมส่วนใหญ่ในจังหวัดถูกจองจนเกือบจะเต็มแล้ว

ดังนั้น จึงมีการจัดระเบียบแบบ new normal เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ด้านนางสาววิภาดา รัตนโรจนา ประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ในปีนี้ไม่มีการเชิญชวนเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวงาน แต่จะเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่วางแผนเดินทางมาในจังหวัดหนองคายต้องเตรียมความพร้อมของตนเอง

หากท่านใดที่ไม่สามารถมาร่วมชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคในครั้งนี้ได้ ก็ติดตามผ่านสื่อต่าง ๆ ได้เช่นกัน

นายแพทย์ชัชวาลย์ ฤทธิ์ฐิติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวนั้นต้องได้รับวัคซีนครบ หรือมีผลตรวจ ATK หรือ Rapid Test ที่มีผลเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง พร้อมทั้งมีเอกสารรับรองจากสถานพยาบาลในการเข้าพัก และก่อนเข้าชมบั้งไฟพญานาค

และขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทำตาม D-M-H-T-T-A จากสาธารณสุขจังหวัดคือ distancing : เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-2 เมตร mask wearing : การสวมหน้ากาก hand washing : ล้างมือทั้งน้ำสบู่และเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ temperature : ตรวจวัดอุณหภูมิ testing: การตรวจหาเชื้อ application : Thai Cha na การสแกนแอปพลิเคชั่น “ไทยชนะ” ทุกครั้งที่เดินทาง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นการจัดกิจกรรมได้ตั้งงบประมาณไว้ที่ 14 ล้านบาท แต่ในปีนี้ลดขนาดและงดไปบางส่วน จำนวนผู้ที่เดินทางเข้ามาจากปกติ 2-3 แสนคน คาดว่าจะลดลงเหลือไม่เกิน 2 แสนคน


เงินสะพัดจากการใช้จ่ายน่าจะอยู่ที่ 1,500 บาท/คน และจากการสำรวจที่พักถูกจองไว้แล้วกว่า 80% แต่ก็ไม่แน่จะมีผู้เข้าพักได้เต็มจำนวนเพราะมีมาตรการการเดินทางที่ต้องปฏิบัติตามอย่างคร่งครัด